กรมประมงร่วม 3 สมาคมอาหารยืนยันสินค้าสัตว์น้ำไทยปลอดภัย

กรุงเทพฯ 8 ม.ค.-กรมประมงร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชิญ 3 สมาคมแปรรูปอาหารสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ถึงความปลอดภัยในสินค้าสัตว์น้ำ ยืนยันโควิด-19 ไม่ติดต่อจากคนสู่สัตว์น้ำ ส่วนสินค้าที่ผ่านความร้อนสูง ไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ย้ำการตรวจเชิงรุกกลุ่มแรงงานในโรงงานแปรรูปต่างๆ เป็นผลดี ทำให้แยกผู้ติดเชื้อออกได้เร็ว ควบคุมการแพร่กระจาย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (8 ม.ค.)  สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกรมประมงจัดแถลงข่าวเรื่อง “แนวทางการแก้ไขปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการประมง”  โดยมีนายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมงร่วมชี้แจงมาตรการต่างๆ กับสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยกล่าวว่า สมาคมผู้ผลิตอาหารแปรรูปทุกแห่งร่วมมือกับภาครัฐในการปฏิบัติตามมาตรการรักษาสุขอนามัยในการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เริ่มมาจากตลาดกลางกุ้ง จ. สมุทรสาคร ซึ่งในระยะแรกทางภาครัฐดำเนินมาตรการเชิงรุกในการตรวจโรคไม่เพียงพอ จนกระทั่งโรงงานทูน่ากระป๋องซึ่งมีข่าวว่า พบแรงงานติดเชื้อจำนวนมาก ตัดสินใจให้มีการตรวจหาเชื้อในผู้ปฏิบัติงานในโรงงานทั้งหมด  โดยขณะนี้ทางจังหวัดสมุทรสาครออกประกาศจะสุ่มตรวจหาเชื้อในโรงงานต่างๆ แห่งละ 50 คน หากพบผลบวก 10 คนขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 20 จะตรวจทั้งโรงงาน ซึ่งผู้ประกอบการยินดีร่วมมือ เมื่อพบผู้ติดเชื้อหรือผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะให้หยุดปฏิบัติงานทันที เพื่อไม่ให้เป็นพาหะต่อไป สิ่งจำเป็นคือ การกักตัว 14 วัน ดังนั้นจะต้องมีโรงพยาบาลสนามรองรับ


สำหรับสินค้าสัตว์น้ำที่ส่งออกนั้น ยังไม่ได้รับผลกระทบ มีคำสั่งซื้อเข้ามาเหมือนเดิม แต่ติดขัดที่ขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต และเงินบาทที่แข็งค่า ยืนยันว่า สินค้าที่ส่งออก ไม่มีประเทศที่นำเข้าตรวจพบการปนเปื้อน แล้วตีกลับเลย

นายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมงกล่าวว่า กรมประมง ได้เพิ่มมาตรการในการดูแล ควบคุม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน ในกระบวนการผลิตสินค้าประมงในโรงงานแปรรูปอย่างเข้มงวด  เพื่อยืนยันว่า สินค้าประมงที่ผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐาน   Good Manufacturing Practice (GMP) และ Hazard Analysis Critical Control Point (HACCP) มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคสูงสุด นอกจากนี้ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย กำหนดมาตรการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19  ในโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำที่มีความเข้มข้นมากขึ้นทุกด้าน  มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย การกำจัดหรือลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนมากับวัตถุดิบ ingredient และภาชนะบรรจุ โรงงานแปรรูป

โดยสัตว์น้ำต้องจัดทำมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ที่มากับวัตถุดิบสัตว์น้ำ ingredient และภาชนะบรรจุ เช่น จัดทำข้อปฏิบัติในการควบคุมและป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ส่งให้กับ Supplier ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า ทำความสะอาดบริเวณผิวสัมผัสภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของรถที่ขนส่งวัตถุดิบ ingredient และภาชนะบรรจุ เข้ามาในโรงงานโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและวิธีการทำความสะอาดที่เหมาะสม เป็นต้น ควบคุมกระบวนการผลิตที่เข้มงวดโรงงานต้องมีการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยตลอดสายการผลิต การนำสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ เช่น ฆ่าเชื้อบริเวณผิวสัมผัสภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของรถบรรทุก ตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้ามาในโรงงาน และฆ่าเชื้อภายในตู้คอนเทนเนอร์ก่อนบรรจุผลิตภัณฑ์ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม เป็นต้น


สำหรับด้านสุขอนามัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อมในโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำโรงงานต้องปฏิบัติตามมาตรการพิเศษเพื่อควบคุมสุขอนามัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ผลิตอาหาร เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ในผลิตภัณฑ์อาหารส่งออกที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำขึ้น เพื่อป้องกันและลดโอกาสการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 จากคนสู่สินค้าสัตว์น้ำ

นายวิชาญกล่าวย้ำว่า  สินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไทยในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสด และแปรรูป สามารถรับประทานได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากยังไม่มีรายงานการตรวจพบเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรน่า 2019 อยู่ในตัวของสัตว์น้ำแต่อย่างใด อีกทั้งสัตว์น้ำเป็นสัตว์เลือดเย็นไม่มีปอดแต่ใช้เหงือกในการหายใจ และยังมีความแตกต่างของผิวเซลล์ ซึ่งปลามีโครงสร้างไม่เหมือนคนทั้งหมด ทำให้โอกาสที่เชื้อไวรัสจะกลายพันธุ์เข้าสู่เซลล์ของสัตว์น้ำเป็นไปได้ยาก อีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานการเกิดโรคจากเชื้อไวรัส. กลุ่มเดียวกันนี้ได้แก่ SAR CoV2 และ MERS ในสัตว์น้ำที่เป็นสัตว์เลือดเย็นมาก่อน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]