รฟท. ออก 7 มาตรการ ยกระดับเฝ้าระวังโควิด-19

กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.-การรถไฟฯ ประกาศปรับการให้บริการเดินขบวนรถสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย พร้อมยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด–19 สูงสุดทั่วประเทศ


นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับมีการประกาศล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563–3 มกราคม 2564 นั้น การรถไฟฯ ได้ประกาศใช้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สูงสุดทั่วประเทศ ทั้งในขบวนรถโดยสาร สถานีรถไฟ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง

ทั้งนี้ ได้ประกาศงดให้บริการเดินรถ จำนวน 2 ขบวน คือ ขบวน 4302 เวลาออกจากสถานีมหาชัย เวลา 04.30 น. ถึงสถานีวงเวียนใหญ่ เวลา 05.23 น. และ ขบวน 4303 เวลาออกจากสถานีวงเวียนใหญ่ เวลา 05.30 น. ถึงสถานีมหาชัย เวลา 06.23 น. รวมถึงปรับการให้บริการเดินรถเส้นทางสายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย – วงเวียนใหญ่ จำนวน 32 ขบวน โดยยังคงวิ่งให้บริการแต่ให้รับส่งผู้โดยสารได้เฉพาะ 5 สถานี ได้แก่ สถานีวงเวียนใหญ่ ตลาดพลู วัดสิงห์ รางโพธิ์ และมหาชัย ส่วนป้ายหยุดรถและที่หยุดรถให้งดบริการรับส่งทั้งหมด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63 ถึง 3 ม.ค.64 ในส่วนของสถานีมหาชัยได้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรอง จัดเจลแอลกอฮอล์บริการแก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสารในการตรวจบัตรประชาชน ลงชื่อและเบอร์ติดต่อของผู้ใช้บริการเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรคต่อไปส่วนเส้นทางสายบ้านแหลม – แม่กลอง – บ้านแหลม จำนวน 8 ขบวน ยังคงเปิดวิ่งให้บริการตามปกติ


นอกจากนี้ ยังได้ออกมาตรการเฝ้าระวังตามสถานีและบนขบวนรถขั้นสูงสุดทั่วประเทศอีก 7 มาตรการ โดยเน้นการดูแลความสะอาดและการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมกับขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1.มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่สถานีรถไฟและบนขบวนรถโดยสาร ด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารทุกคน หากพบว่ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย ให้งดใช้บริการและแนะนำพบแพทย์ หากจำเป็นต้องเดินทางขอให้มีใบรับรองแพทย์ประกอบ พร้อมกับขอให้กรอกแบบประเมินรับรองตนเองเพื่อคัดกรองและยืนยันความปลอดภัยก่อนเดินทาง และให้ใช้แอพพลิเคชันไทยชนะเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรค
นอกจากนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถทำการสังเกตอาการผู้โดยสารระหว่างเดินทาง หากมีอาการต้องสงสัยข้างต้น ให้ทำการคัดแยกผู้โดยสารพร้อมแจ้งศูนย์ความปลอดภัยการรถไฟฯโดยทันที เพื่อประสานหน่วยงานสาธารณสุขที่ใกล้เคียงก่อนถึงปลายทางตามตั๋วโดยสาร

  1. มาตรการการให้บริการบนขบวนรถ ให้พนักงานผู้ให้บริการต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือถุงมือยาง ในการบริการบนขบวนรถ และให้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ระหว่างการเดินทางของผู้โดยสาร รวมถึงขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัย งดการพูดคุย และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง พร้อมกับกับควบคุมไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัดภายในสถานี และในขบวนรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ
  2. มาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่สถานีรถไฟ ให้ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสในบริเวณสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่พักผู้โดยสาร สถานที่ให้บริการ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอทุก 2 ชั่วโมง และเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ให้ทำความสะอาดรอบใหญ่ หรือ Big Cleaning และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณอาคารสถานีชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขา ทุก 3 วัน รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีผู้โดยสารใช้ร่วมกัน ทุก 1 ชั่วโมง เช่น ปุ่มกดตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม มือจับ ลูกบิด ปุ่มกดปิด-เปิดประตู เป็นต้น
  3. มาตรการจัดเตรียมขบวนรถและทำความสะอาดภายในขบวนรถ โดยให้ทำความสะอาดขบวนรถโดยสารทุกเที่ยวที่ให้บริการ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้โดยสารสัมผัสบ่อย ๆ เช่น ราวบันได ที่จับบริเวณประตู ราวจับในรถโดยสาร เบาะที่นั่ง ที่นอน พนักพิง ที่เท้าแขน ด้วยน้ำยาทำความสะอาด รวมถึงฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในบริเวณตู้โดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ทุกเที่ยวที่ทำขบวนออกจากสถานีต้นทาง
  4. มาตรการรับส่งห่อวัตถุและสัมภาระ ให้มีการตรวจสอบความสะอาดของห่อวัตถุและสัมภาระ เช่น ความชื้น คราบน้ำ หรือสิ่งสกปรก รูปแบบกล่องและวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น โดยหลีกเลี่ยงการส่งห่อวัตถุและสัมภาระที่มีความเสี่ยง ควบคู่ไปกับทำความสะอาดบริเวณที่จัดเก็บห่อวัตถุและสัมภาระทุก ๆ วัน และเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงที่มีห่อวัตถุและสัมภาระจำนวนมาก
  5. มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยของพนักงานสถานีและบนขบวนรถ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง หรืออุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ในขณะทำงาน และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ต้องล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือทุกครั้ง พร้อมกับเผยแพร่ความรู้ให้พนักงานเรื่องข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเชื้อไวรัส เช่น การติดต่อ อาการ คำแนะนำในการป้องกันตนเอง และให้ทำการตรวจสุขภาพ หากปรากฏว่ามีอาการต้องสงสัยตามความเห็นแพทย์ ให้หยุดการทำงานเพื่อรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ
  6. ห้ามมิให้แรงงานต่างด้าวใช้บริการในเส้นทางวงเวียนใหญ่ – มหาชัย เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3481/2563 เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 21)

การรถไฟฯ ขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยให้ปฏิบัติตามประกาศมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ขั้นสูงสุด เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารให้ถูกสุขลักษณะและเกิดความสะอาด ปลอดภัยสูงสุด พร้อมแนะนำให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรับและแพร่เชื้อในช่วงที่มีการระบาด และหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบในบริเวณสถานีรถไฟ หรือบนขบวนรถ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี หรือ ศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198 ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะพิจารณาปรับแผนการเดินรถให้สอดคล้องกับแนวทางคำสั่งของรัฐที่จะมีในอนาคตเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]