รฟท. ออก 7 มาตรการ ยกระดับเฝ้าระวังโควิด-19

กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.-การรถไฟฯ ประกาศปรับการให้บริการเดินขบวนรถสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย พร้อมยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด–19 สูงสุดทั่วประเทศ


นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับมีการประกาศล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563–3 มกราคม 2564 นั้น การรถไฟฯ ได้ประกาศใช้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สูงสุดทั่วประเทศ ทั้งในขบวนรถโดยสาร สถานีรถไฟ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง

ทั้งนี้ ได้ประกาศงดให้บริการเดินรถ จำนวน 2 ขบวน คือ ขบวน 4302 เวลาออกจากสถานีมหาชัย เวลา 04.30 น. ถึงสถานีวงเวียนใหญ่ เวลา 05.23 น. และ ขบวน 4303 เวลาออกจากสถานีวงเวียนใหญ่ เวลา 05.30 น. ถึงสถานีมหาชัย เวลา 06.23 น. รวมถึงปรับการให้บริการเดินรถเส้นทางสายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย – วงเวียนใหญ่ จำนวน 32 ขบวน โดยยังคงวิ่งให้บริการแต่ให้รับส่งผู้โดยสารได้เฉพาะ 5 สถานี ได้แก่ สถานีวงเวียนใหญ่ ตลาดพลู วัดสิงห์ รางโพธิ์ และมหาชัย ส่วนป้ายหยุดรถและที่หยุดรถให้งดบริการรับส่งทั้งหมด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63 ถึง 3 ม.ค.64 ในส่วนของสถานีมหาชัยได้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรอง จัดเจลแอลกอฮอล์บริการแก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสารในการตรวจบัตรประชาชน ลงชื่อและเบอร์ติดต่อของผู้ใช้บริการเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรคต่อไปส่วนเส้นทางสายบ้านแหลม – แม่กลอง – บ้านแหลม จำนวน 8 ขบวน ยังคงเปิดวิ่งให้บริการตามปกติ


นอกจากนี้ ยังได้ออกมาตรการเฝ้าระวังตามสถานีและบนขบวนรถขั้นสูงสุดทั่วประเทศอีก 7 มาตรการ โดยเน้นการดูแลความสะอาดและการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมกับขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1.มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่สถานีรถไฟและบนขบวนรถโดยสาร ด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารทุกคน หากพบว่ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย ให้งดใช้บริการและแนะนำพบแพทย์ หากจำเป็นต้องเดินทางขอให้มีใบรับรองแพทย์ประกอบ พร้อมกับขอให้กรอกแบบประเมินรับรองตนเองเพื่อคัดกรองและยืนยันความปลอดภัยก่อนเดินทาง และให้ใช้แอพพลิเคชันไทยชนะเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรค
นอกจากนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถทำการสังเกตอาการผู้โดยสารระหว่างเดินทาง หากมีอาการต้องสงสัยข้างต้น ให้ทำการคัดแยกผู้โดยสารพร้อมแจ้งศูนย์ความปลอดภัยการรถไฟฯโดยทันที เพื่อประสานหน่วยงานสาธารณสุขที่ใกล้เคียงก่อนถึงปลายทางตามตั๋วโดยสาร

  1. มาตรการการให้บริการบนขบวนรถ ให้พนักงานผู้ให้บริการต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือถุงมือยาง ในการบริการบนขบวนรถ และให้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ระหว่างการเดินทางของผู้โดยสาร รวมถึงขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัย งดการพูดคุย และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง พร้อมกับกับควบคุมไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัดภายในสถานี และในขบวนรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ
  2. มาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่สถานีรถไฟ ให้ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสในบริเวณสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่พักผู้โดยสาร สถานที่ให้บริการ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอทุก 2 ชั่วโมง และเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ให้ทำความสะอาดรอบใหญ่ หรือ Big Cleaning และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณอาคารสถานีชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขา ทุก 3 วัน รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีผู้โดยสารใช้ร่วมกัน ทุก 1 ชั่วโมง เช่น ปุ่มกดตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม มือจับ ลูกบิด ปุ่มกดปิด-เปิดประตู เป็นต้น
  3. มาตรการจัดเตรียมขบวนรถและทำความสะอาดภายในขบวนรถ โดยให้ทำความสะอาดขบวนรถโดยสารทุกเที่ยวที่ให้บริการ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้โดยสารสัมผัสบ่อย ๆ เช่น ราวบันได ที่จับบริเวณประตู ราวจับในรถโดยสาร เบาะที่นั่ง ที่นอน พนักพิง ที่เท้าแขน ด้วยน้ำยาทำความสะอาด รวมถึงฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในบริเวณตู้โดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ทุกเที่ยวที่ทำขบวนออกจากสถานีต้นทาง
  4. มาตรการรับส่งห่อวัตถุและสัมภาระ ให้มีการตรวจสอบความสะอาดของห่อวัตถุและสัมภาระ เช่น ความชื้น คราบน้ำ หรือสิ่งสกปรก รูปแบบกล่องและวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น โดยหลีกเลี่ยงการส่งห่อวัตถุและสัมภาระที่มีความเสี่ยง ควบคู่ไปกับทำความสะอาดบริเวณที่จัดเก็บห่อวัตถุและสัมภาระทุก ๆ วัน และเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงที่มีห่อวัตถุและสัมภาระจำนวนมาก
  5. มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยของพนักงานสถานีและบนขบวนรถ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง หรืออุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ในขณะทำงาน และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ต้องล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือทุกครั้ง พร้อมกับเผยแพร่ความรู้ให้พนักงานเรื่องข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเชื้อไวรัส เช่น การติดต่อ อาการ คำแนะนำในการป้องกันตนเอง และให้ทำการตรวจสุขภาพ หากปรากฏว่ามีอาการต้องสงสัยตามความเห็นแพทย์ ให้หยุดการทำงานเพื่อรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ
  6. ห้ามมิให้แรงงานต่างด้าวใช้บริการในเส้นทางวงเวียนใหญ่ – มหาชัย เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3481/2563 เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 21)

การรถไฟฯ ขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยให้ปฏิบัติตามประกาศมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ขั้นสูงสุด เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารให้ถูกสุขลักษณะและเกิดความสะอาด ปลอดภัยสูงสุด พร้อมแนะนำให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรับและแพร่เชื้อในช่วงที่มีการระบาด และหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบในบริเวณสถานีรถไฟ หรือบนขบวนรถ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี หรือ ศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198 ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะพิจารณาปรับแผนการเดินรถให้สอดคล้องกับแนวทางคำสั่งของรัฐที่จะมีในอนาคตเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]