รฟท. ออก 7 มาตรการ ยกระดับเฝ้าระวังโควิด-19

กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.-การรถไฟฯ ประกาศปรับการให้บริการเดินขบวนรถสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย พร้อมยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด–19 สูงสุดทั่วประเทศ


นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับมีการประกาศล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563–3 มกราคม 2564 นั้น การรถไฟฯ ได้ประกาศใช้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สูงสุดทั่วประเทศ ทั้งในขบวนรถโดยสาร สถานีรถไฟ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง

ทั้งนี้ ได้ประกาศงดให้บริการเดินรถ จำนวน 2 ขบวน คือ ขบวน 4302 เวลาออกจากสถานีมหาชัย เวลา 04.30 น. ถึงสถานีวงเวียนใหญ่ เวลา 05.23 น. และ ขบวน 4303 เวลาออกจากสถานีวงเวียนใหญ่ เวลา 05.30 น. ถึงสถานีมหาชัย เวลา 06.23 น. รวมถึงปรับการให้บริการเดินรถเส้นทางสายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย – วงเวียนใหญ่ จำนวน 32 ขบวน โดยยังคงวิ่งให้บริการแต่ให้รับส่งผู้โดยสารได้เฉพาะ 5 สถานี ได้แก่ สถานีวงเวียนใหญ่ ตลาดพลู วัดสิงห์ รางโพธิ์ และมหาชัย ส่วนป้ายหยุดรถและที่หยุดรถให้งดบริการรับส่งทั้งหมด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63 ถึง 3 ม.ค.64 ในส่วนของสถานีมหาชัยได้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรอง จัดเจลแอลกอฮอล์บริการแก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสารในการตรวจบัตรประชาชน ลงชื่อและเบอร์ติดต่อของผู้ใช้บริการเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรคต่อไปส่วนเส้นทางสายบ้านแหลม – แม่กลอง – บ้านแหลม จำนวน 8 ขบวน ยังคงเปิดวิ่งให้บริการตามปกติ


นอกจากนี้ ยังได้ออกมาตรการเฝ้าระวังตามสถานีและบนขบวนรถขั้นสูงสุดทั่วประเทศอีก 7 มาตรการ โดยเน้นการดูแลความสะอาดและการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมกับขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1.มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่สถานีรถไฟและบนขบวนรถโดยสาร ด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารทุกคน หากพบว่ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย ให้งดใช้บริการและแนะนำพบแพทย์ หากจำเป็นต้องเดินทางขอให้มีใบรับรองแพทย์ประกอบ พร้อมกับขอให้กรอกแบบประเมินรับรองตนเองเพื่อคัดกรองและยืนยันความปลอดภัยก่อนเดินทาง และให้ใช้แอพพลิเคชันไทยชนะเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรค
นอกจากนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถทำการสังเกตอาการผู้โดยสารระหว่างเดินทาง หากมีอาการต้องสงสัยข้างต้น ให้ทำการคัดแยกผู้โดยสารพร้อมแจ้งศูนย์ความปลอดภัยการรถไฟฯโดยทันที เพื่อประสานหน่วยงานสาธารณสุขที่ใกล้เคียงก่อนถึงปลายทางตามตั๋วโดยสาร

  1. มาตรการการให้บริการบนขบวนรถ ให้พนักงานผู้ให้บริการต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือถุงมือยาง ในการบริการบนขบวนรถ และให้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ระหว่างการเดินทางของผู้โดยสาร รวมถึงขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัย งดการพูดคุย และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง พร้อมกับกับควบคุมไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัดภายในสถานี และในขบวนรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ
  2. มาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่สถานีรถไฟ ให้ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสในบริเวณสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่พักผู้โดยสาร สถานที่ให้บริการ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอทุก 2 ชั่วโมง และเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ให้ทำความสะอาดรอบใหญ่ หรือ Big Cleaning และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณอาคารสถานีชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขา ทุก 3 วัน รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีผู้โดยสารใช้ร่วมกัน ทุก 1 ชั่วโมง เช่น ปุ่มกดตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม มือจับ ลูกบิด ปุ่มกดปิด-เปิดประตู เป็นต้น
  3. มาตรการจัดเตรียมขบวนรถและทำความสะอาดภายในขบวนรถ โดยให้ทำความสะอาดขบวนรถโดยสารทุกเที่ยวที่ให้บริการ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้โดยสารสัมผัสบ่อย ๆ เช่น ราวบันได ที่จับบริเวณประตู ราวจับในรถโดยสาร เบาะที่นั่ง ที่นอน พนักพิง ที่เท้าแขน ด้วยน้ำยาทำความสะอาด รวมถึงฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในบริเวณตู้โดยสาร ห้องน้ำ ห้องสุขา ทุกเที่ยวที่ทำขบวนออกจากสถานีต้นทาง
  4. มาตรการรับส่งห่อวัตถุและสัมภาระ ให้มีการตรวจสอบความสะอาดของห่อวัตถุและสัมภาระ เช่น ความชื้น คราบน้ำ หรือสิ่งสกปรก รูปแบบกล่องและวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น โดยหลีกเลี่ยงการส่งห่อวัตถุและสัมภาระที่มีความเสี่ยง ควบคู่ไปกับทำความสะอาดบริเวณที่จัดเก็บห่อวัตถุและสัมภาระทุก ๆ วัน และเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงที่มีห่อวัตถุและสัมภาระจำนวนมาก
  5. มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยของพนักงานสถานีและบนขบวนรถ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง หรืออุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ในขณะทำงาน และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ต้องล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือทุกครั้ง พร้อมกับเผยแพร่ความรู้ให้พนักงานเรื่องข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเชื้อไวรัส เช่น การติดต่อ อาการ คำแนะนำในการป้องกันตนเอง และให้ทำการตรวจสุขภาพ หากปรากฏว่ามีอาการต้องสงสัยตามความเห็นแพทย์ ให้หยุดการทำงานเพื่อรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ
  6. ห้ามมิให้แรงงานต่างด้าวใช้บริการในเส้นทางวงเวียนใหญ่ – มหาชัย เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3481/2563 เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 21)

การรถไฟฯ ขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยให้ปฏิบัติตามประกาศมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ขั้นสูงสุด เพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารให้ถูกสุขลักษณะและเกิดความสะอาด ปลอดภัยสูงสุด พร้อมแนะนำให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรับและแพร่เชื้อในช่วงที่มีการระบาด และหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบในบริเวณสถานีรถไฟ หรือบนขบวนรถ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี หรือ ศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198 ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะพิจารณาปรับแผนการเดินรถให้สอดคล้องกับแนวทางคำสั่งของรัฐที่จะมีในอนาคตเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย