ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ 6 ธ.ค. – ธ.ก.ส.ยืนยัน จ่ายเงินประกันรายได้ครบทุกรายก่อนสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ เตรียมโอน 9 ธ.ค. งวด 2-4 จำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายในช่วงปีใหม่
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจาก ครม.เห็นชอบเร่งรัดจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกร จึงต้องเร่งรัดโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 63/64 จำนวน 4.56 ล้านครัวเรือน ให้ได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐนับแสนบล้านบาท เพื่อให้ชาวนามีค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบด้วย โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว หลังจากได้โอนเงินจ่ายไปแล้ว 1.42 ล้านราย เป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เตรียม โอนเงินให้กับเกษตรกร ซึ่งตกค้าง ในงวดที่ 2-4 อีก 2.4 ล้านราย วงเงิน 2.04 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยจ่ายให้ครบทุกรายภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้
นอกจากนี้ยังมีโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ขณะนี้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 4.56 ล้านราย รวมเป็นวงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท หลังจาก ครม. อนุมัติการขยายกรอบวงเงินจากเดิม 1.8 หมื่นล้านบาท เป็น 4.5 หมื่นล้านบาท ทำให้เกษตรกร ได้รับเฉลี่ยจากทั้ง 2 โครงการสูงถึง 55,000 บาทต่อราย
ธ.ก.ส.ยังพร้อมให้สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อดูแลเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเพิ่มเติม เริ่มปล่อยสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป กลุ่มเป้าหมายประมาณ 5 แสนราย ช่วงแรกมีชาวนา เข้าโครงการประมาณ 2 แสนราย เป้าหมายการจ่ายสินเชื่อจำนวน 1.5 ล้านตันข้าวเปลือก ณ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 ซึ่งข้าวเปลือกชนิดสีได้ต้นข้าวต่ำกว่า 20 กรัม ไม่รับเข้าร่วมโครงการ และข้าวหอมมะลิจะมีเมล็ดข้าวแดงได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 (ไม่เกิน 22 เมล็ดใน 100 กรัม) กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตัน ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด ตั้งแต่ 10,400 – 11,000 บาท/ตัน ข้าวหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด ตั้งแต่ 8,900 – 9,500 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 5,400 บาท/ตัน ข้าวหอมปทุม 7,300 บาท/ตัน และข้าวเหนียว 8,600 บาท/ตัน วงเงินรวม 15,284 ล้านบาท
โดยเกษตรกรกู้ได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่บัดนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2564 และภาคใต้ตั้งแต่เดือนมีนาคม – 31 กรกฎาคม 2564 กำหนดชำระคืนเงินกู้ภายใน 5 เดือนนับถัดจากเดือนที่รับเงินกู้ โดยไม่มีอัตราดอกเบี้ย
และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2563/64 เพื่อช่วยให้สถาบันเกษตรกรเข้ามามีบทบาทในการช่วยดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในตลาด โดยรวบรวมและรับซื้อข้าวจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป นำมาเก็บรักษาตามเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อรอการขายหรือนำมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรจะได้รับวงเงินกู้ตามศักยภาพ แผนธุรกิจ และไม่เกินวงเงินที่นายทะเบียนกำหนด ระยะเวลาตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 กันยายน 2564 กำหนดระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ตามรอบธุรกิจแต่ไม่เกิน 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือโทร Call Center 02 555 0555 .-สำนักข่าวไทย