ศบศ.เตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ต ในวันธรรมดา

กทม. 2 ธ.ค. – ที่ประชุม ศบศ.เตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ต ในวันธรรมดา และส่งเสริมการประชุมสัมมนาในพื้นที่ภูเก็ต กระบี่ พังงา รวมทั้งเห็นชอบมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 2 และจะเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการของรัฐให้อีกคนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน


นายดนุชา พิชยนันทน์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกันแถลงข่าวการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

นายดนุชา เลขาธิการสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบศ.มีความเป็นห่วงภาคการท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดท่องเที่ยวหลัก โดยหลังจากนี้ไปจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา คือ วันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดีให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะมีมาตรการทางการเงินที่เหมาะสมช่วยเหลือผู้ประกอบการ และจะส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ตให้มากขึ้นภายใต้มาตราการที่รัดกุม นอกจากนี้จะส่งเสริมการประชุมสัมมนาที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ ให้มากขึ้น ส่วนชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในเมืองไทยและมีภรรยาเป็นคนไทย จะพยายามดึงกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยให้เร็วที่สุด โดยจะมีการอำนวยความสะดวกด้วยความรัดกุม


นายพรชัย ที่ปรึกษา สศค.กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบศ.ยังเห็นชอบมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 2 โดยมีรูปแบบเหมือนมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 1 โดยจะเปิดลงทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านคน รวมวงเงินใช้จ่ายคนละ 3,500 บาท นอกจากนี้จะเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการของรัฐให้อีกคนละ 500 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564

ด้านนายยุทธศักดิ์ ผู้ว่า ททท. เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวขึ้น 34% โดยมีการท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้นถึง 15.57 ล้านคน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา และคาดว่าในเดือนธันวาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 4 ล้านคน สำหรับการปรับปรุงรูปแบบโครงการเราเที่ยวด้วยกันจะเพิ่มวงเงินให้อีก 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองหลัก เช่น จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่และเชียงราย นอกจากนี้ยังจะให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเที่ยวได้คนละ 2 วันโดยไม่นับเป็นวันลา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

ขณะเดียวกันทาง ททท.ยังได้เสนอแพ็กเกจการท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีวัยตั้งแต่ 55 ปีเป็นต้นไป หรือที่เรียกว่าโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” เพื่อเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในวันธรรมดา ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 40% หรือ ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน โดยใช้สิทธิ์ได้แค่ครั้งเดียวเป็นต้น. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง