จ.ชัยนาท 30 พ.ย. – “อนุชา นาคาศัย” ผุดไอเดียพักหนี้เกษตรกร- SME เสนอผ่าน พปชร.ล่าสุด ผนึกกำลัง.กสอ.- กทบ. บูรณาการ พัฒนาพื้นที่ชัยนาท ร่วมคิกออฟโครงการสร้างอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยว
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสานักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่าเตรียมเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจปี64 ต่อที่ประชุม พปชร. หลังประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 แนวคิดหลักคือเพิ่มกำลังซื้อทุกภาคส่วนเพื่อให้มีเงินในการจับจ่ายใช้สอย แต่จะเกิดขึ้นได้คือ ต้องมีโครงการพักชำระหนี้ทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และเสริมรายได้เกษตรด้วยการยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้ขายมีกำไรหรือมาร์จิน เช่น ปาล์ม ยางพารา อ้อย ส่วนจะใช้วิธีประกันราคาหรือจำนำสินค้าหรือแนวทางอื่นก็คงต้องหารือกันต่อไป
” หากพักหนี้ชั่วคราวได้ และเพิ่มมาร์จิ้นสินค้าเกษตรก็จะสร้างกำลังซื้อมหาศาล เกษตรกรเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เมื่อกำลังซื้อมีเพิ่ม โรงงาน ร้านค้า ห้างฯก็มีรายได้ รัฐก็มีรายได้เพิ่มจากVATเป็นผลที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ในขณะทีี่ภาครัฐก็จะเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนต่อเนื่อง”นายอนุชากล่าว
ล่าสุด วานนี้(29 พ.ย.)นายอนุชา ได้เป็นประธานเปิดงานส่งเสริมความเข้มแข็งการเสริมรายได้ขุมชนโดยผนึกความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ในโครงการสร้างอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจังหวัดชัยนาท เพื่อนำองค์ความรู้ด้านการประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ การส่งเสริมชุมชนให้มีความพร้อมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากโดยนาร่องในพื้นที่เป้าหมาย 4 ชุมชน ได้แก่ 1.ชุมชนสรรพยา 2.ชุมชนมโนรมย์ 3.ชุมชนลาวเวียงบ้านเนินขาม และ 4.ชุมชนบ้านอ้อย เนื่องจากแต่ละชุมชนมีอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน และมีศักยภาพที่พร้อม นาไปพัฒนาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการในชุมชนให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากโดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน จากการพัฒนาอาชีพให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่ง ให้เร่งดาเนินการหาแนวทาง การส่งเสริมและยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ดังนั้น กรมฯ จึงได้จัดทำโครงการสร้างอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยวประจำปีงบประมาณ 2564 นำองค์ความรู้ด้านการประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ การส่งเสริมชุมชนให้มีความพร้อมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจฐานราก และประสบการดำเนินงานจากโครงการพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ หมู่บ้าน CIV กว่า 230 แห่งทั่วประเทศ ตกผลึกเป็นองค์ความรู้พิเศษ เพื่อยกระดับศักยภาพ ให้กับวิสาหกิจชุมชนในพื้นเป้าหมายให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หรือ Identity โดยอาศัยองค์ประกอบจากวัตถุดิบในชุมชนนั้น ๆ เชื่อมโยงเรื่องราววิถีชุมชนเพื่อเป็นจุดขาย ซึ่งเบื้องต้น กสอ. บูรณาการควาร่วมมือกับทาง กทบ. โดยเข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้ ส่งเสริมทักษะการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มช่องทางและโอกาสทางการตลาดให้กับชุมชนและกลุ่มสมาชิกลูกค้าของทาง กทบ. ภายใต้หลักสูตร การพัฒนาอาชีพของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (Industry Transformation Center 4.0 :ITC 4.0) และศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thailand Industrial Design Center: Thai – IDC) ที่จะเปิดฝึกอบรมในหลักสูตรการพัฒนานักออกแบบชุมชน หลักสูตรการทาผ้ามัดย้อม และหลักสูตรการเขียนเทียน กลุ่มสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP ซึ่งในปี64กำหนด3 พื้นที่หลักเป็นโมเดลนำร่องได้แก่จ.ชัยนาท, จ.สุโขทัย และ.จ.อุดรธานี
” การเข้ามาพัฒนาองค์ประกอบของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ของ 3พื้นที่หลักจะต้องมีผลิตภัณฑ์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะเป็นจุดขาย เพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง และโดยในส่วนของชัยนาทคาดว่า จะมียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 15,000 คนต่อปี หลังจากที่การท่องเที่ยวเกิดการชะลอตัวในช่วงที่ มีการแพร่ระบาดโควิด 19″นายณัฐพลกล่าว
นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กสอ. พร้อมให้การสนับสนุนอย่างครบวงจร เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริทอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย เพื่อการให้บริการสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยต่าร้อยละ4ต่อปี วงเงิน5หมื่นบาทถึง2ล้านบาท/ราย การให้ความรู้การ ออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว และพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชน
นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผู้อานวยการ กทบ. กล่าวว่า โครงการนี้ กสอ. เองจะเข้ามาต่อยอดองค์ความรู้ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่ม OTOP ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งได้รับความสนใจจากชุมชนในพื้นที่จำนวนมาก แม้ว่าปัจจุบันสมาชิกจะมีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายอยู่แล้วแต่ยังต้องการให้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน ส่งผล ให้สมาชิกของ กทบ. เข้าถึงองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางการตลาด อันจะก่อให้เกิด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น /สำนักข่าวไทย