กรุงเทพฯ 27 พ.ย. – รองนายกรัฐมนตรีรับสมุดปกขาวผลประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเอกชนทุกด้าน ปลื้มหลายแนวทางดันเศรษฐกิจฟื้นจริง จนไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวปิดการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 38 พร้อมรับสรุปผลสมุดปกขาวการประชุมครั้งนี้ เพื่อยื่นต่อให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อจะได้วางกรอบการทำงานร่วมกันได้ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่า ภาครัฐพร้อมที่จะช่วยเหลือและพร้อมสนับสนุนภาคเอกชนทุกด้าน หลายแนวทางรัฐบาลได้วางกรอบทำงานไปมากแล้ว จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ดูแลและป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีและเป็นประเทศต้นๆที่ประคับประครองเศรษฐกิจได้ดี จนเศรษฐกิจไทยที่ติดลบมากในช่วงต้นๆปีกลับมาเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 จนมองว่าทั้งปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบเพียงร้อยละ 6 จากมาตรการที่ภาครัฐบาลได้ออกมาในช่วงไตรมาสที่ 4 ในหลายโครงการ เช่น ช้อปดีมีคืน คนละครึ่ง และอีกหลายแนวทาง จนหลายประเทศมองประเทศไทยว่าสามารถแก้ไขปัญหาประเทศภายใต้โควิด-19 มาถูกทางจนเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวเห็นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความจำเป็นที่จะให้มีการลงทุน การบริโภคให้ต่อเนื่องเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว และไทยคงจะรอให้นักท่องเที่ยวหันกลับมาถึง 40 ล้านคนเหมือนที่ผ่านมาคงลำบาก ดังนั้น ภาคธุรกิจไทยจะต้องปรับตัวและพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นในประเทศไทยให้มากขึ้นและต่อเนื่อง แม้ความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าสหรัฐกับจีนจะยังคงมีอยู่และไม่รู้ว่าจะกลับมารุนแรงหรือกระทบการค้าแค่ไหน ซึ่งในหลายประเทศจึงมองการย้ายฐานการผลิตสินค้ากัน ซึ่งสินค้าที่จะมีการผลิตมาก คือ การใช้สินค้าประหยัดพลังงานกันเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ไทยจะต้องเร่งปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกหากดึงกลุ่มผู้ลงทุนเหล่านี้เข้ามาลงทุนใหม่ในไทยได้จะสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจไทยยั่งยืนขึ้นได้ โดยรัฐบาลพร้อมที่จะดึงดูดกลุ่มลงทุนเหล่านี้ให้เข้ามาลงทุนในไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลมองว่า เมื่อมีวัคซีนโควิด-19 ได้ในช่วงปีหน้า เศรษฐกิจทั่วโลกจะเริ่มกลับมาดีขึ้น รวมถึงไทยเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตขึ้นจากปีนี้ติดลบร้อยละ 6 ปีหน้าจะกลับมาเป็นบวกร้อยละ 3-4 ก็เป็นไปได้ และคิดว่าจะกลับมาเป็นปกติก่อนโควิด-19 ในอีก 18 เดือนข้างหน้า ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ความร่วมมือกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าผลสรุปการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 38 ในครั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นจากสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการปรับตัวรับวิถี New Normal เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการเปลี่ยนโลกธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐด้วยการพัฒนาระบบ e-Government การขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนช่วยขับเคลื่อน Happy Model กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
นอกจากนี้ เร่งแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบอย่างยั่งยืน จากปัจจุบันที่ใช้ประโยชน์จากน้ำต้นทุนได้เพียงร้อยละ7 ถือเป็นปริมาณการใช้ประโยชน์ที่น้อย และมีเป้าหมายจะเพิ่มการใช้งานให้ได้เป็นร้อยละ14 ในอนาคต โดยเอกชนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างเต็มที่ในทุกด้านเพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาดีขึ้น
นอกจากนี้ โดยภาพรวมแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกเริ่มปรับฟื้นตัวดีขึ้นในหลายด้าน และคาดว่าหลังจากมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยทางหอการค้าไทยต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนและเชื่อมโยง Digital platform ระหว่างภาครัฐและเอกชน เช่น Application TAGTHAi (ทักทาย) เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและการสื่อสารที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายได้ต่อ ดังนั้น เชื่อว่าแนวทางผลสรุปการประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในครั้งนี้ หลายแนวทางจะสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลจึงเชื่อว่าแนวทางจะเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมกันได้ต่อไป
ทั้งนี้ ในการประชุมสัมมนาปีนี้จากเดิมจะตัองจัดประชุมที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่เนื่องจากเกิดปัญหาแพร่ระบาดโควิด-19 จึงได้มาจัดที่มหาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร โดยในปีหน้ายังคงจะไปจัดประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 39 ที่จังหวัดอุบลราชธานี.-สำนักข่าวไทย