ชุมชนหลังหมอชิตเก่าบุกคมนาคมค้านย้ายสถานีหมอชิต 2

กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – ชุมชนหลังหมอชิตเก่ารวมตัวยื่นหนังสือถึง รมว.คมนาคม-ผอ.สนข. คัดค้านการย้ายสถานี บขส.กลับมาอยู่ที่หมอชิตเก่าในพื้นที่โครงการคอมเพล็กซ์เอกชน ชี้อาจไม่มีความเหมาะสม ระบุหมอชิต 2 ปัจจุบันอยู่ใกล้อู่รถเมล์  ขสมก. และสถานีรถตู้ ที่สำคัญเชื่อมต่อการเดินทางกับสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบรางสะดวกมากกว่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้  (10 พ.ย.) ตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนหลังหมอชิตเก่าเดินทางมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อคัดค้านการย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กลับมาใช้พื้นที่หมอชิตเก่าในที่ดินของกรมธนารักษ์ที่ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนพัฒนาเป็นโครงการคอมเพล็กซ์ศูนย์การค้า โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

นางสาววินินท์อร ปรีชาพินิจกุล ผู้แทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า เปิดเผยว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอในการย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร บขส. กลับมาแออัดยัดเยียดบริเวณหมอชิตเก่า ตามที่เคยมีการทำแผนไว้ในอดีตว่าจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางคมนาคม เพราะปัจจุบันสถานการณ์สิ่งแวดล้อมและระบบการคมนาคมขนส่งของกรุงเทพมหานครมีพัฒนาการไปไกลกว่าเดิมมากแล้ว โดยสถานี บขส. บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 หรือหมอชิตใหม่ หรือหมอชิต 2 นั้น มีความเหมาะสมในการเชื่อมต่อการเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะ ระหว่างรถบัสโดยสาร และระบบรางได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ทั้งนี้ หากโครงการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางคมนาคมแห่งใหม่รวมระบบขนส่งมวลชนทางราง ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ไว้ในที่เดียวกัน ซึ่งจะเปิดให้บริการปี 2564  รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะเปิดบริการปี 2565 โดยจะเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่นๆ อย่างครบวงจร ถือเป็นระบบคมนาคมขนส่งสมัยใหม่ และตอนที่คิดจะย้าย บขส. กลับหมอชิตเก่า เพื่อหวังใช้เป็นศูนย์กลางคมนาคมครั้งนั้นยังไม่มีสถานีกลางบางซื่ออยู่ในแผน ดังนั้น สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมขณะนี้เปลี่ยนไปจากอดีตมากแล้ว หากสถานี บขส. ยังอยู่ในพื้นที่หมอชิต 2 ปัจจุบันอยู่ใกล้เคียงและมีความเชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อจะอำนวยความสะดวกต่อการเดินทางของประชาชนมากกว่า เพราะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถโดยสาร และระบบราง คือ สถานีกลางบางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีแดงได้อย่างสมบูรณ์แบบและเหมาะสมที่สุด 

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมยังเคยออกมาระบุว่าพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางระบบรถโดยสารสาธารณะ หรือ Bus Transportation Hub ได้หลัง สถานีกลางบางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดให้บริการ เพราะจะมีการเชื่อมต่อกับอู่รถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่อยู่ด้านข้างและสถานีรถตู้ถนนกำแพงเพชร (อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีหมอชิต 2) และการเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานีกลางบางซื่อจะทำได้สะดวกและใช้เวลาไม่นาน โดยคมนาคมมีแผนให้ ขสมก. จัดรถวิ่งวนหมุนเวียน เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่จะเดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบรางจากสถานีกลางบางซื่อมาที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 เชื่อว่าประชาชนผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะจะได้ประโยชน์สูงสุด

ปัจจุบันสถานีขนส่งหมอชิต 2 ตั้งอยู่บนถนนกำแพงเพชร เป็นทำเลและพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับการต่อเชื่อมการเดินทางทุกด้าน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด เพิ่มความสะดวก และประหยัดเวลาการเดินทางอย่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องย้ายสถานีเข้ามากระจุกตัวบนพื้นที่หมอชิตเก่า ซึ่งจะสร้างความแออัดและสร้างปัญหาการจราจรเพิ่มขึ้นให้กับพื้นที่โดยรอบบริเวณนี้ ที่ปัจจุบันประสบปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักอยู่แล้ว ในช่วงเวลาปกติและชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็น  และหากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว ก็จะต้องมีประชาชนเดินทางเข้าเมืองมาจากทุกสารทิศทั่วกรุงเทพฯ  และปริมณฑล เพื่อมาใช้บริการ รถโดยสาร บขส. เดินทางออกไปต่างจังหวัด สร้างความแออัดให้กับการจราจรบริเวณโดยรอบหมอชิตเก่ายิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังจะสร้างมลพิษและเพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับพื้นที่โดยรอบและบริเวณใกล้เคียง ทั้งในระหว่างการก่อสร้าง และในช่วงที่ประชาชนจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาใช้บริการ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร บขส. กลับมาที่หมอชิตเก่า เพื่อสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นเพิ่มอีก


นางสาววินินท์อร กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวบ้านหลังหมอชิตเก่าได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อคัดค้านการเวนคืนที่ดินชาวบ้านบริเวณหลังหมอชิตเก่ายาวออกไปถึงริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสร้างทางยกระดับหรือถนนลอยฟ้าออกจากโครงการคอมเพล็กซ์ของเอกชนที่สถานี บขส. จะย้ายเข้ามาอยู่ในโครงการดังกล่าว เพราะจะต้องมีการใช้งบประมาณของรัฐบาลที่มาจากภาษีประชาชนมาจ่ายค่าเวนคืนที่ดินและก่อสร้างถนนลอยฟ้า โดยอ้างว่าเพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกให้กับรถ บขส. เพราะถือเป็นบริการสาธารณะ

ทั้งที่จริงแล้วการเวนคืนที่ดินสร้างถนนลอยฟ้า เพื่อเป็นทางเข้า-ออกโครงการนี้จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผู้ได้รับสัมปทานสร้างคอมเพล็กซ์หรือโครงการมิกซ์ยูสมากกว่า เพราะโครงการพัฒนาที่ดิน โดยสร้างเป็นคอมเพล็กซ์บนที่ดินของกรมธนารักษ์บริเวณหมอชิตเก่านี้ จะมีการใช้พื้นที่เพื่อการพาณิชย์มากกว่า 85% ของพื้นที่ทั้งหมด คือ เป็นศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อาคารเช่าจอดรถ เป็นต้น ขณะที่สถานีรับส่งผู้โดยสารและ บขส. หรือภาครัฐจะได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพียง 15% เท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นการเวนคืนที่ดินชาวบ้านที่อาจขัดต่อหลักการพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการให้รัฐได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเป็นการเวนคืนเพื่อการเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ซึ่งอาจขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้

“ไม่ได้คัดค้านโครงการคอมเพล็กช์ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่หมอชิตเก่า แต่คัดค้านการย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่า และคัดค้านการใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชาชนมาเวนคืนที่ดินและสร้างถนนลอยฟ้าที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนมากกว่าเพื่อประโยชน์สาธารณะของรัฐและของประชาชน และสงสัยถึงความพยายามที่จะผลักดันให้มีการย้ายสถานี บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่าว่าเพื่อนำมาใช้เป็นข้ออ้างหรือเป็นเหตุผลสนับสนุนการเวนคืนที่ดินและสร้างถนนลอยฟ้าหรือไม่ เพราะหากไม่ย้ายสถานี บขส.กลับมา เหตุผลหรือข้ออ้างในการสร้างถนน เพื่อใช้เป็นทางออกให้รถโดยสาร บขส.ก็จะไม่เกิดขึ้น หรือไม่มีความจำเป็น จึงอาจมีขั้นตอนหรือการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ในฐานะชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จึงมาร้องคัดค้านและขอความเป็นธรรมจากกระทรวงคมนาคมและ สนข.ในฐานะผู้กำกับดูแลวางแผนระบบการคมนาคมของประเทศทั้งหมด” นางสาววินินท์อร กล่าว

ตัวแทนชุมชนหลังหมอชิตยังกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลจะต้องนำงบประมาณจากเงินภาษีประชาชนมาใช้ทั้งเวนคืนและก่อสร้างถนนลอยฟ้า รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท หากจะย้ายกลับมาหมอชิต ควรเอาเงินให้ บขส.ไปซื้อที่ดิน ย้ายไปสร้างสถานีออกนอกเมืองดีกว่าที่จะให้เข้ามากระจุกตัวอยู่กลางใจเมืองเช่นนี้ ซึ่งเป็นหลักการกระจายความเจริญและความแออัดขยายออกไปนอกเมืองที่ทั่วโลกทำกัน ในปัจจุบันและอนาคตรถไฟฟ้าวิ่งยาวออกไปนอกเมืองรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนให้ประชาชนอยู่แล้ว เหตุใดต้องให้ประชาชนที่จะเดินทางออกต่างจังหวัดโดยรถบัส บขส.ต้องเดินทางเข้าเมืองมานั่งรถ บขส.ที่หมอชิตอีก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีแผนที่จะให้ บขส.ออกไปซื้อที่ทำสถานีนอกเมืองแต่กลับถูกยกเลิกโครงการไป

นอกจากนี้ ทางชุมชนหลังหมอชิตจะไปยื่นหนังสือคัดค้านต่อกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังในฐานะเจ้าของโครงการสัมปทาน รวมทั้งวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายนนี้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจะเข้ายื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอศาลคุ้มครองระงับการออก พ.ร.บ.เวนคืนพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อไปด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]