ชุมชนหลังหมอชิตเก่าบุกคมนาคมค้านย้ายสถานีหมอชิต 2

กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – ชุมชนหลังหมอชิตเก่ารวมตัวยื่นหนังสือถึง รมว.คมนาคม-ผอ.สนข. คัดค้านการย้ายสถานี บขส.กลับมาอยู่ที่หมอชิตเก่าในพื้นที่โครงการคอมเพล็กซ์เอกชน ชี้อาจไม่มีความเหมาะสม ระบุหมอชิต 2 ปัจจุบันอยู่ใกล้อู่รถเมล์  ขสมก. และสถานีรถตู้ ที่สำคัญเชื่อมต่อการเดินทางกับสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบรางสะดวกมากกว่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้  (10 พ.ย.) ตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนหลังหมอชิตเก่าเดินทางมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อคัดค้านการย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กลับมาใช้พื้นที่หมอชิตเก่าในที่ดินของกรมธนารักษ์ที่ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนพัฒนาเป็นโครงการคอมเพล็กซ์ศูนย์การค้า โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

นางสาววินินท์อร ปรีชาพินิจกุล ผู้แทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า เปิดเผยว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอในการย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร บขส. กลับมาแออัดยัดเยียดบริเวณหมอชิตเก่า ตามที่เคยมีการทำแผนไว้ในอดีตว่าจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางคมนาคม เพราะปัจจุบันสถานการณ์สิ่งแวดล้อมและระบบการคมนาคมขนส่งของกรุงเทพมหานครมีพัฒนาการไปไกลกว่าเดิมมากแล้ว โดยสถานี บขส. บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 หรือหมอชิตใหม่ หรือหมอชิต 2 นั้น มีความเหมาะสมในการเชื่อมต่อการเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะ ระหว่างรถบัสโดยสาร และระบบรางได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ทั้งนี้ หากโครงการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางคมนาคมแห่งใหม่รวมระบบขนส่งมวลชนทางราง ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ไว้ในที่เดียวกัน ซึ่งจะเปิดให้บริการปี 2564  รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะเปิดบริการปี 2565 โดยจะเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่นๆ อย่างครบวงจร ถือเป็นระบบคมนาคมขนส่งสมัยใหม่ และตอนที่คิดจะย้าย บขส. กลับหมอชิตเก่า เพื่อหวังใช้เป็นศูนย์กลางคมนาคมครั้งนั้นยังไม่มีสถานีกลางบางซื่ออยู่ในแผน ดังนั้น สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมขณะนี้เปลี่ยนไปจากอดีตมากแล้ว หากสถานี บขส. ยังอยู่ในพื้นที่หมอชิต 2 ปัจจุบันอยู่ใกล้เคียงและมีความเชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อจะอำนวยความสะดวกต่อการเดินทางของประชาชนมากกว่า เพราะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถโดยสาร และระบบราง คือ สถานีกลางบางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีแดงได้อย่างสมบูรณ์แบบและเหมาะสมที่สุด 

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมยังเคยออกมาระบุว่าพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางระบบรถโดยสารสาธารณะ หรือ Bus Transportation Hub ได้หลัง สถานีกลางบางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดให้บริการ เพราะจะมีการเชื่อมต่อกับอู่รถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่อยู่ด้านข้างและสถานีรถตู้ถนนกำแพงเพชร (อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีหมอชิต 2) และการเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานีกลางบางซื่อจะทำได้สะดวกและใช้เวลาไม่นาน โดยคมนาคมมีแผนให้ ขสมก. จัดรถวิ่งวนหมุนเวียน เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่จะเดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบรางจากสถานีกลางบางซื่อมาที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 เชื่อว่าประชาชนผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะจะได้ประโยชน์สูงสุด

ปัจจุบันสถานีขนส่งหมอชิต 2 ตั้งอยู่บนถนนกำแพงเพชร เป็นทำเลและพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับการต่อเชื่อมการเดินทางทุกด้าน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด เพิ่มความสะดวก และประหยัดเวลาการเดินทางอย่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องย้ายสถานีเข้ามากระจุกตัวบนพื้นที่หมอชิตเก่า ซึ่งจะสร้างความแออัดและสร้างปัญหาการจราจรเพิ่มขึ้นให้กับพื้นที่โดยรอบบริเวณนี้ ที่ปัจจุบันประสบปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักอยู่แล้ว ในช่วงเวลาปกติและชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็น  และหากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว ก็จะต้องมีประชาชนเดินทางเข้าเมืองมาจากทุกสารทิศทั่วกรุงเทพฯ  และปริมณฑล เพื่อมาใช้บริการ รถโดยสาร บขส. เดินทางออกไปต่างจังหวัด สร้างความแออัดให้กับการจราจรบริเวณโดยรอบหมอชิตเก่ายิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังจะสร้างมลพิษและเพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับพื้นที่โดยรอบและบริเวณใกล้เคียง ทั้งในระหว่างการก่อสร้าง และในช่วงที่ประชาชนจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาใช้บริการ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร บขส. กลับมาที่หมอชิตเก่า เพื่อสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นเพิ่มอีก


นางสาววินินท์อร กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวบ้านหลังหมอชิตเก่าได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อคัดค้านการเวนคืนที่ดินชาวบ้านบริเวณหลังหมอชิตเก่ายาวออกไปถึงริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสร้างทางยกระดับหรือถนนลอยฟ้าออกจากโครงการคอมเพล็กซ์ของเอกชนที่สถานี บขส. จะย้ายเข้ามาอยู่ในโครงการดังกล่าว เพราะจะต้องมีการใช้งบประมาณของรัฐบาลที่มาจากภาษีประชาชนมาจ่ายค่าเวนคืนที่ดินและก่อสร้างถนนลอยฟ้า โดยอ้างว่าเพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกให้กับรถ บขส. เพราะถือเป็นบริการสาธารณะ

ทั้งที่จริงแล้วการเวนคืนที่ดินสร้างถนนลอยฟ้า เพื่อเป็นทางเข้า-ออกโครงการนี้จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผู้ได้รับสัมปทานสร้างคอมเพล็กซ์หรือโครงการมิกซ์ยูสมากกว่า เพราะโครงการพัฒนาที่ดิน โดยสร้างเป็นคอมเพล็กซ์บนที่ดินของกรมธนารักษ์บริเวณหมอชิตเก่านี้ จะมีการใช้พื้นที่เพื่อการพาณิชย์มากกว่า 85% ของพื้นที่ทั้งหมด คือ เป็นศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อาคารเช่าจอดรถ เป็นต้น ขณะที่สถานีรับส่งผู้โดยสารและ บขส. หรือภาครัฐจะได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพียง 15% เท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นการเวนคืนที่ดินชาวบ้านที่อาจขัดต่อหลักการพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการให้รัฐได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเป็นการเวนคืนเพื่อการเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ซึ่งอาจขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้

“ไม่ได้คัดค้านโครงการคอมเพล็กช์ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่หมอชิตเก่า แต่คัดค้านการย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่า และคัดค้านการใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชาชนมาเวนคืนที่ดินและสร้างถนนลอยฟ้าที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนมากกว่าเพื่อประโยชน์สาธารณะของรัฐและของประชาชน และสงสัยถึงความพยายามที่จะผลักดันให้มีการย้ายสถานี บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่าว่าเพื่อนำมาใช้เป็นข้ออ้างหรือเป็นเหตุผลสนับสนุนการเวนคืนที่ดินและสร้างถนนลอยฟ้าหรือไม่ เพราะหากไม่ย้ายสถานี บขส.กลับมา เหตุผลหรือข้ออ้างในการสร้างถนน เพื่อใช้เป็นทางออกให้รถโดยสาร บขส.ก็จะไม่เกิดขึ้น หรือไม่มีความจำเป็น จึงอาจมีขั้นตอนหรือการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ในฐานะชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จึงมาร้องคัดค้านและขอความเป็นธรรมจากกระทรวงคมนาคมและ สนข.ในฐานะผู้กำกับดูแลวางแผนระบบการคมนาคมของประเทศทั้งหมด” นางสาววินินท์อร กล่าว

ตัวแทนชุมชนหลังหมอชิตยังกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลจะต้องนำงบประมาณจากเงินภาษีประชาชนมาใช้ทั้งเวนคืนและก่อสร้างถนนลอยฟ้า รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท หากจะย้ายกลับมาหมอชิต ควรเอาเงินให้ บขส.ไปซื้อที่ดิน ย้ายไปสร้างสถานีออกนอกเมืองดีกว่าที่จะให้เข้ามากระจุกตัวอยู่กลางใจเมืองเช่นนี้ ซึ่งเป็นหลักการกระจายความเจริญและความแออัดขยายออกไปนอกเมืองที่ทั่วโลกทำกัน ในปัจจุบันและอนาคตรถไฟฟ้าวิ่งยาวออกไปนอกเมืองรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนให้ประชาชนอยู่แล้ว เหตุใดต้องให้ประชาชนที่จะเดินทางออกต่างจังหวัดโดยรถบัส บขส.ต้องเดินทางเข้าเมืองมานั่งรถ บขส.ที่หมอชิตอีก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีแผนที่จะให้ บขส.ออกไปซื้อที่ทำสถานีนอกเมืองแต่กลับถูกยกเลิกโครงการไป

นอกจากนี้ ทางชุมชนหลังหมอชิตจะไปยื่นหนังสือคัดค้านต่อกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังในฐานะเจ้าของโครงการสัมปทาน รวมทั้งวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายนนี้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจะเข้ายื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอศาลคุ้มครองระงับการออก พ.ร.บ.เวนคืนพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อไปด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“จิรายุ” ไม่เชิญแล้ว “ไมเคิล” บอก “จบข่าวไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย”

กทม. 17 ส.ค. – “จิรายุ” ยันรัฐบาลเตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี ดูจุดกัมพูชาถล่มพื้นที่พลเรือน ส่วนกรณี “ไมเคิล” บอก “จบข่าว” ไม่เชิญมาแล้ว หลังอ้างตัวเป็น “สื่อประจำทำเนียบขาว” ที่แท้เป็นล็อบบี้ยิสต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้า ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน จากนั้นจะเชิญสื่อมวลชนระดับโลกไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการรุกล้ำอธิปไตยไทย ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชารายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ที่ไลฟ์สดชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้วยการเซตฉากและกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว “สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาว อยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลมีการไลฟ์สดพูดโกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตนเห็นว่าหากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้พบว่านายไมเคิล ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึงประธานาธิบดีสหรัฐ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป” นายจิรายุ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]