กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – ก.พลังงานมั่นใจสำรองไฟฟ้าลด หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวใน 2 ปีข้างหน้า สั่ง กฟผ.หาทางลดสำรองไฟฟ้าเจรจาเอกชนเร่งปลดระวางโรงไฟฟ้าเก่า
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หาแนวทางลดสำรองไฟฟ้าของประเทศที่ขณะนี้สูงเกือบร้อยละ 50 โดยดูว่าจะปลดระวางโรงไฟฟ้าเก่าที่ขณะนี้ไม่ได้ถูกสั่งให้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้า แต่ยังอยู่ในสัญญาซื้อขายและจะหมดสัญญาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยให้ปลดเร็วกว่าสัญญาได้หรือไม่ ซึ่งกรณีวงเงินที่ใช้ที่ กฟผ.ระบุเบื้องต้นว่าอาจเป็นหมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นเงินจ่ายต่ำกว่าการจ่ายค่าความพร้อมจ่ายจนหมดสัญญา จะใช้เงินส่วนไหนมาจ่ายก็คงจะพิจารณาต่อไป ในส่วนนี้เป็นโรงไฟฟ้าของทั้ง กฟผ.และเอกชน รวมทั้งเร่งวางแนวทางการเชื่อมต่อไฟฟ้าระหว่างประเทศ ตามแผนไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าอาเซียน
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าของไทยแม้สูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากสำรองที่สูงนั้น หากเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนแล้วไทยเองมีอัตราค่าไฟฟ้าที่ไม่ได้แพงกว่าแต่อย่างใด ซึ่งปัญหาไฟสำรองสูงเป็นเรื่องที่ทั่วโลกก็เป็น เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งกรณีที่กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS) มีข้อเสนอเจรจากับโรงไฟฟ้าเอกชนที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง แต่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เช่น โรงไฟฟ้าหินกอง รวมทั้งชะลอแผนก่อสร้าง แผนรับซื้อโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด ทางกระทรวงฯ ก็รับฟัง โดยลดแผนรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนจาก 700 MW. เหลือ 150 MW. เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าสำรองไฟฟ้าที่สูงจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวตามทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยคาดว่าภายใน 2 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจก็จะกลับมาฟื้นตัว ประกอบการสร้างระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าหลายเส้นทาง ยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ก็กำลังมาและทำให้การใช้ไฟฟ้าจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมหรือเพิ่มขึ้นได้ ประเทศไทยก็ต้องเตรียมพร้อมในส่วนนี้ จึงไม่อยากให้กังวลจนเกินไป ขณะที่ที่โรงไฟฟ้าใหม่จะก่อสร้างเสร็จอีกหลายปี และกรณีโรงไฟฟ้าหินกองลงนามสัญญาซื้อขายไปแล้ว การยกเลิกคงทำได้ยาก
ก่อนหน้านี้ กฟผ. ระบุว่าโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ที่จะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประมาณปี 2564-2568 เช่น โรงไฟฟ้าบางยูนิตของโรงไฟฟ้าราชบุรี, โรงไฟฟ้าบางส่วนของกัลฟ์, บางยูนิตของโรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าพระนครใต้ โดยโรงไฟฟ้าเหล่านี้ปัจจุบันได้เฉพาะค่าความพร้อมจ่าย (AP) เท่านั้น แต่เอกชนไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิดนี้.-สำนักข่าวไทย