สนว. พัฒนานวัตกรรมเครื่องย่อยสลายขยะ เปลี่ยนเศษอาหารเป็นดิน

สำนักข่าวไทย 10 ต.ค.-สถาบันนวัตกรรม ปตท.พัฒนาเครื่องต้นแบบย่อยสลายขยะเศษอาหาร เปลี่ยนเศษอาหารเหลือทิ้งให้เป็นวัสดุปรับปรุงดิน (Bio-soil) 


จุดเริ่มต้นการพัฒนา 
ปัญหาขยะชุมชนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีแนวโน้มมากถึง 28 ล้านตันต่อปี โดยยังมีขยะตกค้างที่ไม่สามารถกำจัดได้ 5.8 ล้านตัน คิดเป็นขยะเศษอาหารประมาณ 4 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 60% ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการดูแลสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ของปตท. สถาบันนวัตกรรม ปตท. จึงมีแนวคิดพัฒนานวัตกรรมที่จะช่วยจัดการปัญหาขยะเศษอาหารตั้งแต่ต้นทางและเปลี่ยนขยะเศษอาหารเหล่านั้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ครบวงจรตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยเปลี่ยนของเสียให้เป็นวัสดุที่มีคุณค่ากลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม สอดรับกับนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนของ ปตท.ตามแนวคิด Technology for All ของ CEO ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม 
สถาบันนวัตกรรม ปตท. โดยทีมวิจัยจากฝ่ายเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ได้เริ่มทำการคัดเลือกและพัฒนาเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งมีประสิทธิภาพในการผลิตเอนไซม์เพื่อช่วยในการย่อยสลายขยะเศษอาหาร โดยเชื้อจุลินทรีย์จะทำงานร่วมกับเครื่องย่อยสลายขยะเศษอาหารอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาแล้วเสร็จเมื่อปลายปี พ.ศ.2562 ให้สามารถควบคุมสภาวะให้เชื้อจุลินทรีย์ทำงานย่อยสลายขยะเศษอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดไร้กลิ่นเหม็นรบกวน ซึ่งตัวเครื่องจะประกอบด้วยส่วนการทำงานหลัก 2 ส่วนคือ (1) ส่วนย่อยสลายขยะเศษอาหาร และ (2) ส่วนดูดซับกลิ่น โดยทั้งสองส่วนดังกล่าวได้ผ่านการออกแบบและพัฒนาเพื่อให้สามารถรองรับปริมาณขยะเศษอาหารได้สูงสุดถึง 5 กิโลกรัมต่อวัน ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดด้านกว้าง ยาว และสูง ไม่เกิน 1 m ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน รวมทั้งระบบควบคุมสภาวะต่างๆ ได้ถูกติดตั้งเพื่อควบคุมสภาวะการทำงานโดยอย่างอัตโนมัติไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้งานเพียงแค่เปิดเครื่องและเริ่มการใช้งานและใส่ขยะเศษอาหารพร้อมเชื้อจุลินทรีย์ของ ปตท.ได้ทันที หลังจากนั้นผ่านไป 12 ชั่วโมงก็จะได้วัสดุปรับปรุงดิน (Bio-Soil) ที่เกิดจากการย่อยสลายขยะเศษอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการบำรุงต้นไม้ให้เจริญงอกงามและบำรุงดินที่เสื่อมสภาพให้มีคุณภาพได้เป็นอย่างดี

จากความสำเร็จของงานวิจัยสู่การขยายผลนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ 
นวัตกรรมเครื่องต้นแบบสลายขยะเศษอาหารอัตโนมัติ ได้ผ่านการทดสอบการใช้งานจริง ณ ห้องอาหาร สถาบันนวัตกรรม ปตท. เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งวัสดุปรับปรุงดินที่ได้จากการย่อยสลายเศษอาหารได้ผ่านการตรวจวิเคราะห์โดยห้องปฏิบัติการแล้วพบว่าว่ามีธาตุอาหาร NPK และองค์ประกอบอื่นๆ ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้ และก็ได้ถูกนำไปใช้ในการบำรุงต้นไม้ในพื้นที่ของสถาบันนวัตกรรมเรียบร้อยแล้ว 
โดยตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา นวัตกรรมเครื่องต้นแบบย่อยสลายขยะเศษอาหารอัตโนมัติได้ถูกย้ายมาติดตั้งทดสอบการใช้งานจริงที่อาคารบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) เป็นระยะเวลาร่วมกว่า 2 เดือน ซึ่งพบว่า เครื่องต้นแบบย่อยสลายขยะเศษอาหารอสามารถย่อยสลายขยะเศษอาหารที่เกิดขึ้นจากอาคาร EnCo ได้เป็นอย่างดีภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมง และสามารถรองรับปริมาณขยะเศษอาหารได้ถึง 5 กิโลกรัมต่อวัน โดยไม่เกิดกลิ่นเหม็นรบกวนรวมทั้งเชื้อรา อีกทั้งยังเปลี่ยนขยะเศษอาหารให้เป็นวัสดุปรับปรุงดิน (Bio-soil) ที่ได้ผ่านการตรวจวิเคราะห์แล้วว่ามีธาตุอาหาร NPK และองค์ประกอบอื่นๆ ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้ จากการทดสอบการใช้งานที่ EnCo สามารถลดขยะเศษอาหารที่จำเป็นต้องนำไปกำจัดได้ทั้งหมด 139.6 กิโลกรัม และสามารถเปลี่ยนขยะเศษอาหารให้เป็นวัสดุปรับปรุงดิน (Bio-soil) กลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด 29.06 กิโลกรัม ซึ่ง Bio-soil ที่ได้นี้ได้ถูกนำไปใช้ในการบำรุงต้นไม้ที่บริเวณอาคารจอดรถ 2 ของ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด แล้วอีกด้วย 
จากความสำเร็จในงานวิจัยและการนำมาทดสอบการใช้งานจริงดังกล่าว สถาบันนวัตกรรม ปตท. จึงได้ร่วมมือกับบริษัท อินทรีย์ อีโคไซเคิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้านการจัดการของเสียอย่างครบวงจร ร่วมกันผลักดันนวัตกรรมเครื่องต้นแบบย่อยสลายขยะเศษอาหารอัตโนมัตินี้ในการขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ในการใช้งานในวงกว้างต่อไป นับเป็นหนึ่งในวิธีการลดขยะและเปลี่ยนขยะเศษอาหารให้มีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นตามแนวคิด Circular Economy ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย Social Innovation.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เสียใจ “เจจูแอร์” ไถลออกรันเวย์ สั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

นายกฯ แสดงความเสียใจเหตุเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์ไฟลุกท่วม พร้อมสั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

28 dead as jet carrying 181 people crashes while landing in S. Korea's Muan

เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเกาหลีใต้ชนหลังออกนอกรันเวย์

โซล 29 ธ.ค.- เครื่องบินของสายการบินเชจูแอร์ (Jeju Air) ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีใต้ ลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหรือรันเวย์ และชนกับรั้วกั้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้ รายงานว่า ตำรวจและนักดับเพลิงในเกาหลีใต้แจ้งว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.07 น. วันนี้ตามเวลาเกาหลีใต้ ตรงกับเวลา 07.07 น. วันนี้ตามเวลาไทย เมื่อเครื่องบินของเชจูแอร์ เที่ยวบิน 7ซี2216 (7C2216) นำผู้โดยสาร 175 คน ลูกเรือ 6 คน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 288 กิโลเมตร เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์และชนกับรั้วกั้น เป็นเหตุให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนักและเกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน ทั้งหมดนั่งอยู่ที่ส่วนท้ายของเครื่องบิน คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับจากไทย มีเพียง 2 คนที่เป็นชาวไทย เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟที่ไหม้ครื่องบินได้แล้ว และกำลังปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งเริ่มการสืบสวนสอบสวน ณ […]

อุณหภูมิลดอีก 1-3 องศาฯ “อีสาน-เหนือ” อากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบน อุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานและเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็น ภาคใต้ฝนเพิ่ม ตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางเทศกาลปีใหม่ 2568

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางขาออกเทศกาลปีใหม่ 2568 ถนนทุกสาย และระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมด มีประชาชนทะลักเดินทางตั้งแต่เย็นวานนี้ (27 ธ.ค.) ภาพรวมเป็นอย่างไร พูดคุยกับนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม.