กรุงเทพฯ 8 ต.ค. – SK เปิดทำการซื้อขายในตลาดเอ็มเอไอวันแรก ราคาพุ่งขึ้น 120% จาก IPO 0.80 บาท อยู่ที่ 1.60 บาท
บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในหมวดวัสดุก่อสร้าง โดยดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง เช่น เสาไฟฟ้า เสาเข็ม เสาตอม่อ ฐานราก แผ่นพื้นสะพาน เป็นต้น มีโรงงานผลิต 6 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ชลบุรี ชัยนาท ลำปาง สุราษฎ์ธานี และสงขลา ครอบคลุมการจำหน่ายทั่วประเทศไทย และธุรกิจให้บริการงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งงานไฟฟ้าและงานโยธา โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 368 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดระดมทุนวันแรกวันนี้ (8 ต.ค.) ราคาพุ่งขึ้น 120% จากราคา IPO 0.80 บาท/หุ้น ขึ้นเป็น 1.60 บาท/หุ้น
นายภากร ตั้งนุกูลกิจ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการเติบโตของธุรกิจจะขยายตัวตามความต้องการใช้ไฟฟ้าและแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ทั้งนี้ ยอมรับว่าไตรมาส 2 ที่มีการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อการรับรู้กำไรที่ล่าช้า พร้อมมองทิศทางครึ่งปีหลังภาพรวมของบริษัทฯ จะกลับมาฟื้นตัว เนื่องจากยังมีงานรอการส่งมอบอีกกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Back log) เกือบ 160 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดภายในปีนี้ รวมถึงโครงการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับแผนการขยายงานในธุรกิจโดยเฉพาะการประมูลงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ งานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และเพิ่มโอกาสการเข้าร่วมประมูลงานตามแผนลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงโดยเฉพาะเสาไฟฟ้าและธุรกิจรับเหมาสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าขนาด 115 KV จะได้อานิสงส์ควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ SK เตรียมประมูลงานรับเหมาระบบสายส่ง ขนาด 230 KV ของ กฟผ. มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท หลังจากโครงการ Consortium เสร็จสิ้น ซึ่งแต่ละปี กฟภ.และ กฟผ.มีการขยายสายส่งไฟฟ้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศด้านพลังงานของประเทศไทย และคาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะสามารถเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะงานรับเหมาระบบสายส่ง ขนาด 500 KV สำหรับปี 2564 ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 15-20% และคาดว่าจะคว้างานใหม่เข้ามาได้ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย