กรุงเทพฯ 6 ต.ค. – ไทยออยล์สนับสนุนนโยบายรัฐบาล จ้างงานกว่า 20,000 อัตรา ผ่านโครงการพลังงานสะอาด พร้อมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 โดยเปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยออยล์อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด หรือ CFP (Clean Fuel Project) ซึ่งถือเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาคเอกชนโครงการแรกในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 150,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประเมินว่าโครงการ CFP จะช่วยก่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศโดยตรงมากกว่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศประมาณ 17,000 ล้านบาท และการจ้างงานประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยในช่วงก่อสร้างโครงการตั้งแต่ปี 2562 – 2566 ประเมินว่าจะมีการจ้างงานโดยรวมสูงถึง 21,000 อัตรา โดยปัจจุบันมีการจ้างแรงงานไปแล้วประมาณ 12,000 อัตรา ส่วนที่เหลือประมาณ 9,000 อัตรา จะมีการจัดจ้างภายในปี 2564 นอกจากนี้ยังจะมีการจ้างงานเพิ่มอีก 400 อัตรา เพื่อรองรับการเปิดเชิงพาณิชย์ของโครงการปี 2566
นายวิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่โครงการ CFP ต้องใช้แรงงานและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากระหว่างการก่อสร้างจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการจับจ่ายใช้สอยอุปโภคบริโภค โรงแรม/ ที่พัก / ร้านอาหาร และการท่องเที่ยวในพื้นที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นบริเวณพื้นที่ อำเภอศรีราชา และบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังเข้าร่วมให้การสนับสนุน “โครงการ Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้รวมใจช่วยชาติ” เป็นมูลค่า 1,000,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมโดยไทยออยล์จะใช้ประโยชน์จากแพ็คเกจที่พักในราคาพิเศษที่ได้รับจากโครงการนี้สำหรับการฝึกอบรม สัมมนาพนักงาน และเป็นที่พักของผู้เชี่ยวชาญ / ที่ปรึกษาที่เข้ามาช่วยงานโครงการ CFP
“โครงการ CFP เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการกลั่นน้ำมันของไทยออยล์ช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันด้วยการขยายกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน มีการเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์น้ำมันให้มีคุณภาพและราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งยังผลิตสารตั้งต้นที่สามารถต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าผลิตภัณฑ์ไปสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีกด้วย” นายวิรัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย