กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – JKN คาดปีนี้กำไรโตไม่ต่ำกว่า 40% เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ ดันสัดส่วนรายได้เป็น 50% ภายใน 3 ปี มั่นใจเปิดเทรดในตลาดหลักทรัพย์ทันภายในสิ้นปีนี้
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์คอนเทนต์ หลังวิกฤติ COVID-19 มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทั้งในและต่างประเทศต่างชะลอการผลิตคอนเทนต์แล้วหันมาซื้อลิขสิทธิ์สำเร็จรูป เพื่อนำไปออกอากาศแทนการผลิตรายการเอง จึงเป็นโอกาสของ JKN ในการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งตลาดในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน JKN มีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ครอบคลุม 8 กลุ่มทั้งสาระและความบันเทิง ลักษณะสิทธิ Output Deal จากเจ้าของสิทธิ์ มีการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดอาเซียนไปแล้วกว่า 100 เรื่อง ใน 7 ประเทศ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลี และไต้หวัน เพื่อออกอากาศผ่านช่องทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTT ส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศมากกว่า 30% ของยอดขายรวมทั้งหมด
สำหรับทิศทางดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3 /2563 JKN สามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อินเดียและฟิลิปปินส์ ให้แก่ มาเลเซียและกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้น รวมถึงทยอยส่งมอบคอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยจากช่อง 3 ให้แก่ TV5 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดรายการฟรีทีวีช่องหลักของประเทศฟิลิปปินส์ ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ มีการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มทั้งในกลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกา บรูไน ไต้หวัน ศรีลังกา บังกลาเทศ แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภูฏาณ ซึ่งจากกลยุทธ์จะช่วยผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานและภาพรวมปี 2563 มั่นใจว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อน โดยคาดว่ากำไรขั้นต้นปีนี้จะปรับตัวสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 40% และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในปี 2564 เนื่องจากต้นทุนลิขสิทธิ์รายการที่บริษัทฯ ซื้อมาในปี 2563 สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายคอนเทนต์มากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการนำหลักทรัพย์ JKN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ยื่นเอกสารแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเชื่อมั่นว่าจะซื้อขายในกระดานหลักทรัพย์ SET ได้ทันภายในปีนี้.- สำนักข่าวไทย