สตูล 5 ต.ค. – ธอส.เตรียมเสนอบอร์ดเปิดขายสลาก “ชุดเกล็ดดาว” 19 ต.ค. 63 ลุ้นรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว โต๊ด-ตรง
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.เตรียมเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาเห็นชอบออกสลาก ธอส.ชุดเกล็ดดาว วงเงิน 15,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี วันที่ 19 ตุลาคม 2563 หากคณะกรรมการธนาคารเห็นชอบก็พร้อมจำหน่ายให้กับประชาชนทันทีวันที่ 20 ตุลาคมนี้ โดยจะนำเงินจากการขายสลากมาปล่อยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้มีรายได้น้อย
สำหรับสลากชุดเกล็ดดาวจะแบ่งขายเป็น 3 หมวด ๆ ละ 5,000 ล้านบาท แต่ละหมวดจะมีรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลที่ 2 มูลค่า 50,000 บาท จำนวน 4 รางวัล รางวัลที่ 3 มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 20 รางวัล และ รางวัลที่ 4 มูลค่า 500 บาท จำนวน 20 รางวัล
นอกจากนี้ ยังมีรางวัลเลขท้าย 3 ตัวตรง มูลค่า 100 บาท 5,000 รางวัล รางวัลเลขท้าย 3 ตัวสลับ หรือโต๊ด มูลค่า 50 บาท 5,000 รางวัล และรางวัลเลขท้าย 2 ตัวตรง มูลค่า 50 บาท 10,000 รางวัล เลขท้าย 2 ตัวสลับ หรือโต๊ด มูลค่า 20 บาท 10,000 รางวัล โดยจะมีการออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน เริ่มออกรางวัลงวดแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถซื้อสลากชุดนี้ได้ผ่านทางแอป GHB ALL และสาขาธนาคารทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม หากสลากชุดนี้ได้รับความสนใจขายหมด วงเงิน 15,000 ล้านบาท จะมีการเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาขยายวงเงินเพิ่ม
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธอส.เตรียมออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เรียกว่า Two-GEN ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2 Generation หรือยาวนานสูงสุด 70 ปี วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยง่ายขึ้นวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1.5-18 ล้านบาทต่อราย โดยเตรียมเสนอคณะกรรมการธนาคาร วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือให้ลูกค้าสามารถมีบ้านเป็นของตนเองง่ายขึ้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้นานขึ้น โดย ธอส.ต้องทำรายละเอียดเพื่อเสนอกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ เพราะเป็นการกู้ร่วม ซึ่งบุคคลที่กู้ร่วมยังไม่มีรายได้ โดยเบื้องต้นจะให้บิดาหรือมารดาเป็นผู้กู้หลักและมีทายาท อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป หรือศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นผู้กู้ร่วม คาดวงเงินกู้ 1.5-1.8 ล้านบาทต่อราย อัตราการผ่อนชำระประมาณเดือนละ 2,000 บาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 5,600 ต่อเดือน โดยจะเป็นลักษณะการปล่อยกู้ใหม่เท่านั้น ไม่ใช่การรีไฟแนนซ์
ทั้งนี้ ยอมรับว่าธนาคารมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจากมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลทำให้เอ็นพีแอลของธนาคารอยู่ที่ 4.05% ของสินเชื่อคงค้าง 1.27 ล้านล้านบาท ซึ่งหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นไม่ได้สะท้อนศักยภาพการชำระสินเชื่อของลูกหนี้อย่างแท้จริง เพราะยังอยู่ระหว่างดำเนินการมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ 10 มาตรการ โดยคาดว่าตัวเลขเอ็นพีแอลจะลดลงภายหลังครบกำหนดพักชำระหนี้
ส่วนด้านบุคลากรและสาขาของธนาคาร ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะปรับลดจำนวนพนักงานและผู้ปฏิบัติงานของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 5,000 คน และไม่ลดสาขาที่มีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ แต่จะมีการโยกส่วนงานและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้รองรับงานด้านสินเชื่อและดิจิทัลมากขึ้น . – สำนักข่าวไทย