ยกฟ้องคดี บ.น้ำมันปาล์มร้องไม่ออกโฉนดเขตป่า จ.กระบี่

กรุงเทพฯ  22 ก.ย. – ศาลปกครองภูเก็ตยกฟ้องคดีบริษัทน้ำมันปาล์มร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่และอธิบดีกรมป่าไม้ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ออกโฉนดที่ดินแปลงที่บริษัทเข้าประโยชน์ ทำสวนปาล์มน้ำมันในเขตป่าปลายคลองพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ชี้ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย


นายสมชาย นุชนานนท์เทพ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ กล่าวว่า นำเสนอคำพิพากษาของศาลปกครองภูเก็ต ซึ่งยกฟ้องคดีที่บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าล่าช้า ให้นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ทราบแล้ว

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวผู้ฟ้องกล่าวโทษเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาอ่าวลึก เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ และอธิบดีกรมป่าไม้ จากการที่ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินแปลงไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน 21 แปลง เนื้อที่ 4,225 ไร่ หมู่ที่ 4 5 7 8 และ 9 ต.ปลายพระยาและหมู่ที่ 7 ต.คีรีวง อ.ปลายพระยา รวมทั้งอีก 1 แปลง เนื้อที่ 722 ไร่ หมู่ที่ 4 และ 5 ต.คลองยา อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ รวมเป็น 22 แปลง เนื้อที่ทั้งหมด 5,947 ไร่ นอกจากนี้ ผู้ฟ้องยังขอให้กรมป่าไม้กันพื้นที่ดังกล่าวออกจากเขตป่าปลายคลองพระยา อ.ปลายพระยา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ดินออกโฉนดที่ดิน แต่เจ้าพนักงานที่ดินและอธิบดีกรมป่าไม้ไม่ดำเนินการตามคำขอ


ข้อเท็จจริงตามคดีปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดี คือ บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม เป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินไม่มีหนังสือแสดงสิทธิ โดยได้รับโอนการครอบครองที่ดินเมื่อปี 2523 จากบุคคล 10 คน โดย 10 คนนี้ได้รับโอนต่อมาอีกทอดจากคนในครอบครัวเดียวกันเมื่อปี  2510 ซึ่งซื้อต่อจากเจ้าของเดิมหลายรายรวมกันเข้าจับจองและครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินมาแล้วประมาณ  25 ปี ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ

ต่อมาผู้ครอบครอง 2 ใน 10 คน เคยนำเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เมื่อปี 2520 รวมเนื้อที่ 2,270 ไร่ แต่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ส่วนอีก 2 แปลงที่เหลือ มีเนื้อที่รวม 2,955 ไร่ และ 722 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 คน เคยนำพนักงานจ้าหน้าที่พิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ เพื่อออกหนังสือการทำประโยชน์แล้วเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินไม่ไปรังวัดให้โดยไม่ทราบสาเหตุ เรื่องจึงยังอยู่ระหว่างดำเนินการจนถึงปัจจุบัน จากนั้นปี 2558 บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม ได้ให้ผู้รับมอบอำนาจยื่นขอออกโฉนดที่ดิน พร้อมทั้งให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามบันทึกคำชี้แจงเรื่องตรวจและชี้ตำแหน่งในระวางแผนที่ว่า ที่ดินทุกแปลงที่ขอออกโฉนดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองพระยา

ศาลปกครองภูเก็ตพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ให้ผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชนในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ต้องแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน 180 วัน นับแต่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ถ้าไม่แจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ถือว่าบุคคลนั้นเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดิน ดังนั้น เมื่อเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินขณะนั้นมิได้แจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ พ.ร.บ.ใช้บังคับ ย่อมต้องถือว่าเจ้าของที่ดินเดิมเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว เมื่อผู้ฟ้องคดีรับโอนการครอบครองมา จึงไม่ได้รับการคุ้มครองให้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าวด้วย


อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบันทึกคำชี้แจงเรื่องตรวจและชี้ตำแหน่งในระวางแผนที่ท้ายคำขอออกโฉนดที่ดิน ซึ่งผู้ฟ้องคดีชี้ตำแหน่งในระวางแผนที่ว่า ที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าปลายคลองพระยาทุกแปลง ประกอบกับการที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้อธิบดีกรมป่าไม้กันพื้นที่ที่ขอออกโฉนดที่ดินออกจากเขตป่าดังกล่าว อันเป็นการรับข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงถือว่าเป็นที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน

นายสมชาย กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองภูเก็ตยกฟ้องคดีที่บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด กล่าวโทษเจ้าพนักงานรัฐดังกล่าวแล้ว จึงนำคำวินิจฉัยของศาลเสนอต่ออธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อเสนอใช้ประกอบคำโต้แย้งคัดค้านคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการจังหวัดกระบี่ในคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน จากการที่สำนักงานทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่เข้าตรวจยึดพื้นที่ จับกุมดำเนินคดีบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์มกับพวก โดยแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรปลายพระยา พร้อมยึดทรัพย์ แต่ล่าสุดอัยการจังหวัดกระบี่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและไม่ริบของกลาง โดยกรมป่าไม้ยืนยันว่าบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์มมีเจตนายึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามการตรวจยึดจับกุมและดำเนินคดีอาญาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]