ศบศ.เสนอแผนสะพานไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.  – ศบศ.เตรียมมาตรการดึงเงินเป๋าใหญ่ คนรวยใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ  และเสนอแผนสร้างสะพานข้ามทะเล 9 แสนล้านบาท เชื่อมอีอีซีและภาคใต้  หวังเศรษฐกิจไทยไม่ซึมแบบตัวแอลลากยาว จี้รัฐวิสาหกิจลงทุน-รับคนเหมือนเดิมก่อนโควิด-19


นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบศ. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวไทย โดยยืนยัน ศบศ.ซึ่งมีคณะทำงานจากภาคเอกชน ภาครัฐ มีมาตรการระยะสั้น กลาง ยาว มาช่วยกันดูและผลักดันให้เกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งทยอยออกมาไม่ให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังล็อกดาวน์เป็นแบบรูปตัวแอลลากยาว  โดยอยากจะเห็นว่าจีนฟื้นเศรษฐกิจเป็นตัววี ไทยก็อยากจะเห็นเป็นเช่นนั้น

โดยมาตรการระยะสั้นที่ออกมาหลากหลาย เช่น  มาตรการระยะสั้นไปรากหญ้า มีการจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14-15  ล้านคน มีมาตรการคนละครึ่ง ก็จะเป็นการสร้างตลาดให้เอสเอ็มอี สามารถขายสินค้าได้ ช่วยหาบเร่แผงลอยขายของได้  และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีเสนอควบคุมเครดิตเทอมที่กลุ่มธุรกิจจ่ายเงินให้เอสเอ็มอี  ซึ่งมีการยืดจ่ายเครดิตเทอม 50-60 วัน ก็อยากให้เหลือ 30 วัน  และจะมีการมาตรการ “กระเป๋าใหญ่” ดึงให้คนรวยออกมาใช้จ่าย ซึ่งกำลังศึกษารายละเอียด


ส่วนเด็กจบใหม่ปีละ 400,000 คน ก็จะมีแนวทางจ้างงาน  200,000 คนที่รัฐจะร่วมออกออกเงินครึ่งหนึ่งในวงเงินว่าจ้าง 15,000 บาท/เดือน ออกให้เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่เอกชนก็ร่วมจ้างด้วย เช่น กลุ่มซีพี  กลุ่ม ปตท.ที่ทยอยประกาศจ้างงานออกมาหลายหมื่นคน อย่างไรก็ตาม เด็กจบใหม่บางส่วนก็ได้หารือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. จะจูงใจให้เรียนต่อปริญญาโท โดยภาครัฐจะออกค่าหน่วยกิตให้ส่วนหนึ่ง และยังจะมีโปรแกรมดึงนักศึกษาจีนมาเรียนไทยเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดรายได้ตัวใหม่จากที่เดิมเราพึ่งพาการส่งออก การลงทุน การท่องเที่ยว ก็เป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพราะขณะที่นักศึกษาจีนจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

“จีนมีเด็กจีนจบ ม.ปลาย 9 ล้านคน/ปี มหาวิทยาลัยในจีนไม่พอเรียน ​ที่ผ่านมาก็ไปเรียนสหรัฐ 400,000  ออสเตรเลีย 200,000 ยุโรป-อังกฤษ 200,000-300,000  คน​ จากนี้ไปจะอยู่ยาก​ เพราะปัญหาสงครามการค้า ท่ามกลางวิกฤติมีโอกาส เราก็ควรดึงกลุ่มนี้มาเรียนในไทย​ เด็กกลุ่มนี้ปกติจ่ายค่าเรียนปีละ 60,000-70,000  เหรียญสหรัฐ/ปี​ หากได้มา 50,000-100,000  คน ก็ถือว่าเยอะ ควรใช้จุดเด่น​ของปลอดภัยเมืองน่าเที่ยว หากมั่นใจว่าคุณภาพการศึกษาเราคุยว่าดี ก็ควรจะรับ จะเป็นมาตรการถัดไปที่จะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ  ซึ่งที่ผ่านมานักศึกษาจีนนับเป็นรายได้หลักของสหรัฐ ออสเตรเลีย  อังกฤษ” นายไพรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ ในการกระตุ้นระยะสั้นจากผลกระทบนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดหาย ซึ่งปกติจะสร้างรายได้แก่ไทยประมาณ  2 ล้านล้านบาท/ปี และคนไทยท่องเที่ยว 1 ล้านล้านบาท/ปี  ดังนั้น เดือนตุลาคมนี้จะออกโปรแกรมบังคับเที่ยว (FORCE TOURISM) ในช่วงวันอาทิตย์-พฤหัสบดี เช่น ขอให้กลุ่ม ปตท.และอีกหลายบริษัทจะให้พนักงานไปทำงาน หรือเที่ยว เช่นเดียวแบบการทำงานที่บ้าน (เวิร์กฟอร์มโฮม) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังประสานไปยังโรงแรมต่าง ๆ ให้ส่วนลดค่าห้องเป็นพิเศษ และเงินก็จะจ่ายตรงไปยังโรงแรม ซึ่งก็จะเป็นการกระตุ้นการจ้างงานก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันเดือนพฤศจิกายน


ส่วนโรงแรมใน กทม.ขณะนี้พบว่ามีปัญหาอย่างหนัก เพราะต่างชาติไม่เข้ามา ส่วนนักท่องเที่ยว กทม.ก็ไป ต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งที่จะมีการเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. คือ จะขอให้เปิดให้คนไทยในต่างชาติกลับมาเพิ่มขึ้นจาก 300 คน/วัน เป็น 600 คน/วัน   เป็นการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนที่ยังตกค้างหลายหมื่นคน และเมื่อกลับมาต้องสเตรทควอรันทีน 14 วัน รัฐออกเงินให้ 1,000 บาท/วัน โรงแรมเหล่านี้ก็พร้อมเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น

ส่วนปัญหาการจ้างงานต่างด้าวที่มีปัญหาที่ด่านชายแดนเปิดให้เข้ามา 30 คน/วัน/ด่าน ก็จะเสนอให้เปิดเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะขณะนี้มีปัญหามาก เช่น ไม่มีคนงานเก็บผลไม้ งานก่อสร้างต่าง ๆ  โดยการกักตัวเพื่อ ป้องกันการติดเชื้อ ก็จะเป็นรูปแบบให้นายจ้างเป็นผู้ดำเนินการ

ขณะเดียวกันจะเสนอ ศบค.ว่าไทยควรจะใช้รูปแบบเดียวกับสิงคโปร์ เวียดนาม ญี่ปุ่น คือ เปิดประเทศให้เข้า โดยให้ประเทศต้นทางทำการกักตัว (เสตรท ควอรันทีน) 14 วัน แทนที่จะเข้ามาทำในไทย หากเป็นรูปแบบนี้ก็จะค่อยเปิดประเทศรับทั้งนักลงทุน นักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้น  เช่น นักธุรกิจญี่ปุ่น ปัจจุบัน 1 สัปดาห์  ศบค.อนุญาตให้บินเข้าไทย 1 ลำ ประมาณ 200 คน ซึ่งนับว่าน้อย อย่างไรก็ตาม ครอบครัวนักธุรกิจก็ต้องการเข้ามาพักผ่อน  เพราะเมืองไทยปลอดภัย หากไทยอนุมัติให้เข้าแบบ LONG STAY ก็จะช่วยเพิ่มรายได้แก่ประเทศ  ด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ก็ได้มีข้อเสนอให้อนุญาตผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนบินเข้าไทยเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะดึงดูดการลงทุนท่ามกลางปัญหาสงครามการค้า และกำลังมองถึงการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาได้เป็นกรณีพิเศษ ตามเงื่อนไขซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมา ส่วนปัญหาที่ชาวจีนทิ้งเงินดาวน์ที่ตกลงกันไว้ก่อนเกิดปัญหาโควิด-19 ในเรื่องนี้ทราบว่าจีนจะกลับเข้ามาผ่อนต่อหลังจากไทยคุมโควิด-19 ได้ ก็กำลังหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะผ่อนคลายเพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนส่งเงินมายังไทย เพื่อผ่อนดาวน์ต่อได้อย่างไร ซึ่งก็จะเป็นแนวทางแก้ปัญหาอสังหาริมทรัพย์

มาตรการระยะยาว ได้เร่งกระตุ้นการลงทุนตามเมกะโปรเจกต์ โดยที่ประชุม ศบศ.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เห็นชอบให้เร่งกว่า 30 โครงการ เม็ดเงินมหาศาลนับแสนล้านบาท  และอีก 1 โครงการที่ตนเสนอ และ ศบศ.เห็นด้วย และเตรียมเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( อีอีซี ) วันที่ 2 ตุลาคม  คือ  โครงการสะพานไทยเชื่อมต่อโครงการอีอีซีภาคตะวันออกไปยังภาคใต้ สร้างเป็นอุโมงค์สะพานเชื่อมระหว่างจังหวัดชลบุรีไปยังจังหวัดเพชรบุรี หรือประจวบคีรีขันธ์  ความยาว 80 กม. เช่นเดียวกับอ่าวโตเกียวของญี่ปุ่น  หรือจีนที่เปิดสะพานเชื่อมฮ่องกง- มาเก๊า- จูไห่  เป็นการย่นระยะทางระหว่างการเดินทาง 2 ฝั่ง เป็นการนำความเจริญจากภาคตะวันออกไปสู่ภาคใต้ เบื้องต้นคาดลงทุน 900,000  ล้านบาท ลงทุนประมาณ 10 ปี โดยการศึกษาทางธรณีวิทยามีความเป็นไปได้ความลึกอ่าวไทยเพียง 20 เมตร ใช้ความเชี่ยวชาญที่ไทยมีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมายาวนาน โดยเฉพาะ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ทะเลไทยสร้างได้และที่สำคัญจะใช้วัสดุทั้งเหล็กและปูนของไทย 100 เปอร์เซนต์ ​ โดยจะให้อีอีซีดำเนินการและดึง​สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)​ มาร่วมศึกษา

“เครื่องยนต์เศรษฐกิจ​ขณะนี้ติดอยู่เครื่องเดียว คือ การลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะหยุดไม่ได้ ศบศ.มีการชงเร่งลงทุน 30 โครงการ หลายแสนล้านเกือบ 1 ใน 3 เป็นโครงการพีพีพี  คือ เอกชนลงทุนด้วย​ เรากำลังสร้างบรรยากาศ และเราก็บอกว่าเอกชนอย่าหยุดลงทุน เพื่อดึงเศรษฐกิจกลับมาให้ได้ โดยหวังว่าไตรมาส 3 ตัวเลขที่ลดน้อยกว่าร้อยละ 12 และไตรมาส 4 ก็ดีขึ้น และเมื่องบประมาณแผ่นดิน 2564 เข้ามาลงทุนเพิ่มเศรษฐกิจจะค่อยกลับคืนสภาพ​  โดยเมื่อภูมิใจชนะโควิด-19 ก็ต้องค่อยดึงเศรษฐกิจให้กลับคืนมาจากตัวแอลหางยาวมุ่งให้เป็นตัววีให้ได้เหมือนกับจีน  เรามีเวลาสั้น ๆ ที่ต้องทำ กลอุบายคือ การทำงาน ของ​ ศบศ.”  นายไพรินทร์ ​กล่าว

นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แจ้งทุกรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้รับพนักงานใหม่ประมาณ 100,000 คน และใช้งบประมาณการสัมมนาเหมือนกับช่วงต้นปีก่อนที่จะเกิดเหตุโควิด-19 เพราะทราบว่าหลังเกิดโควิด-19 ทุกแห่งมีการปรับลดงบประมาณ ลดการรับคน ซึ่งในฐานะหน่วยงานของรัฐก็ควรจะเป็นองค์กรหลักที่ร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตัดทุเรียนโชว์

นายกฯ ลงพื้นที่เมืองจันท์ ตัดทุเรียนโชว์ พบชาวสวนผลไม้ รับฟังปัญหาราคาผลผลิตแกว่ง

จันทบุรี 17 พ.ค.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ตัดทุเรียนโชว์ พบชาวสวนผลไม้ รับฟังปัญหาราคาผลผลิตแกว่ง ไม่ได้มาตรฐาน ขอช่วยแก้ลดเวลาสินค้าตกค้าง-แก้ปมแรงงาน ด้าน สส.ประชาชน เสนอปัญหา ด้านนายกฯ ลั่นรัฐบาลเร่งอำนวยความสะดวกเอกสารส่งออก-ลดเวลาตรวจหน้าด่าน น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวจิราพร​ สินธุไพร​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์​ นายอิทธิ​ ศิริลัทยากร และนายอัครา​ พรหมเผ่า​ รัฐมนตรีช่วย​ว่าการ​กระทรวง​เกษตรและสหกรณ์​ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตและผลผลิต จากเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ ณ สวนรักตะวัน ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังเข้าร่วมชมการไลฟ์ขายทุเรียนของเกษตรกรรุ่นใหม่ Young Smart Farmer นอกจากนี้ยังมี สส.ในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ซึ่งเป็น สส. จากพรรคประชาชน เดินทางมารอนายกรัฐมนตรี เพื่อจะร่วมสะท้อนปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ให้กับนายกรัฐมนตรี โดยมีนางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี […]

“ชี้จุด-ทำแผน” ฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพหมกสวนปาล์ม

ตรัง 17 พ.ค.- คุมตัว 4 ผู้ต้องหาคดีฆ่าเผานั่งยาง ชี้จุดเกิดเหตุพร้อมทำแผนฯ ที่สวนปาล์มน้ำมัน หลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 6 วันตามรวบยกทีม เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 6 วันสามารถรวบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ครบทั้ง 4 คนในคดีฆ่าฝังและเผานั่งยาง รวม 4 ศพ ล่าสุดช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่คุมตัวทั้งหมดไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนฯ ที่สวนปลามน้ำมัน ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกควบคุมตัวไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณสวนปาล์มน้ำมัน บนเนื้อที่ 170 ไร่ ในตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ประกอบด้วย นายศุภกรณ์ หรือบิน หัวหน้าแก๊ง นายจรณชัย หรือแต้ม นายปิยะศักดิ์ หรือแจ๊ค และนายรพีพันธ์ หรือเถือก ทั้งหมดถูกตั้งหลายข้อหา อาทิ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฯลฯ”โดย มี พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ […]

ยักยอกเงินวัด

โกงผ่านวัด… อุดช่องโหว่คอร์รัปชัน

17 พ.ค.- อีกประเด็นสำคัญที่ต้องกวาดล้างปราบปรามอย่างจริงจัง คือ การทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง เกิดขึ้นแทบทุกวงการ ไม่เว้นวัด หลายปีที่ผ่านมา คดี “เงินทอนวัด” หรือการทุจริตเงินอุดหนุนวัด สะเทือนวงการสงฆ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้ จะไปพูดคุยเรื่องนี้ กับ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) .-สำนักข่าวไทย

ฝากขังทิดแย้ม

ฝากขัง-ค้านประกัน “ทิดแย้ม” และพวก ยักยอกเงินวัดไร่ขิง

17 พ.ค.- ตำรวจควบคุมตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” พร้อมพวกอีก 2 คน ไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว คดียักยอกเงินวัดเล่นพนันออนไลน์ เมื่อเวลา 10.39 น. พนักงานสอบสวน ควบคุมตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” และหญิงคนสนิทออกจากห้องควบคุม ขึ้นรถตู้ นำตัวไปฝากขัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ย่านตลิ่งชัน โดยทั้ง 2 มีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามและให้สัมภาษณ์ใดๆ เมื่อทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้นำไปเล่นการพนันหรือไม่ และเงินจำนวนทั้งหมดเป็นเงินของวัดหรือไม่ “อดีตเจ้าคุณแย้ม” ยกมือแสดงสัญลักษณ์ปฏิเสธไม่ขอพูด และไม่ขอตอบคำถามใดๆ พร้อมกับเดินอย่างสงบนิ่งขึ้นรถตู้ออกจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะที่การสอบปากคำทั้งคู่ ยังคงให้การภาคเสธ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้คัดค้านการประกันตัว ทั้ง 2 เนื่องจากเป็นคดีเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการทุจริต มูลค่าความเสียหาย จำนวนมาก อีกทั้งหากได้รับการประกันตัวหวั่นผู้ต้องหายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนีคดี ซึ่งยากต่อการติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในภายหลัง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ทนายความพร้อมกับลูกศิษย์ เตรียมคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ยื่นขอประกันตัว “อดีตเจ้าคุณแย้ม” เช่นเดียวกับหญิงคนสนิททางญาติก็เตรียมคำร้องพร้อมกับหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวเช่นเดียวกัน .-สำนักข่าวไทย