ศบศ.เสนอแผนสะพานไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.  – ศบศ.เตรียมมาตรการดึงเงินเป๋าใหญ่ คนรวยใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ  และเสนอแผนสร้างสะพานข้ามทะเล 9 แสนล้านบาท เชื่อมอีอีซีและภาคใต้  หวังเศรษฐกิจไทยไม่ซึมแบบตัวแอลลากยาว จี้รัฐวิสาหกิจลงทุน-รับคนเหมือนเดิมก่อนโควิด-19


นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบศ. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวไทย โดยยืนยัน ศบศ.ซึ่งมีคณะทำงานจากภาคเอกชน ภาครัฐ มีมาตรการระยะสั้น กลาง ยาว มาช่วยกันดูและผลักดันให้เกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งทยอยออกมาไม่ให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังล็อกดาวน์เป็นแบบรูปตัวแอลลากยาว  โดยอยากจะเห็นว่าจีนฟื้นเศรษฐกิจเป็นตัววี ไทยก็อยากจะเห็นเป็นเช่นนั้น

โดยมาตรการระยะสั้นที่ออกมาหลากหลาย เช่น  มาตรการระยะสั้นไปรากหญ้า มีการจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14-15  ล้านคน มีมาตรการคนละครึ่ง ก็จะเป็นการสร้างตลาดให้เอสเอ็มอี สามารถขายสินค้าได้ ช่วยหาบเร่แผงลอยขายของได้  และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีเสนอควบคุมเครดิตเทอมที่กลุ่มธุรกิจจ่ายเงินให้เอสเอ็มอี  ซึ่งมีการยืดจ่ายเครดิตเทอม 50-60 วัน ก็อยากให้เหลือ 30 วัน  และจะมีการมาตรการ “กระเป๋าใหญ่” ดึงให้คนรวยออกมาใช้จ่าย ซึ่งกำลังศึกษารายละเอียด


ส่วนเด็กจบใหม่ปีละ 400,000 คน ก็จะมีแนวทางจ้างงาน  200,000 คนที่รัฐจะร่วมออกออกเงินครึ่งหนึ่งในวงเงินว่าจ้าง 15,000 บาท/เดือน ออกให้เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่เอกชนก็ร่วมจ้างด้วย เช่น กลุ่มซีพี  กลุ่ม ปตท.ที่ทยอยประกาศจ้างงานออกมาหลายหมื่นคน อย่างไรก็ตาม เด็กจบใหม่บางส่วนก็ได้หารือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. จะจูงใจให้เรียนต่อปริญญาโท โดยภาครัฐจะออกค่าหน่วยกิตให้ส่วนหนึ่ง และยังจะมีโปรแกรมดึงนักศึกษาจีนมาเรียนไทยเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดรายได้ตัวใหม่จากที่เดิมเราพึ่งพาการส่งออก การลงทุน การท่องเที่ยว ก็เป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพราะขณะที่นักศึกษาจีนจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

“จีนมีเด็กจีนจบ ม.ปลาย 9 ล้านคน/ปี มหาวิทยาลัยในจีนไม่พอเรียน ​ที่ผ่านมาก็ไปเรียนสหรัฐ 400,000  ออสเตรเลีย 200,000 ยุโรป-อังกฤษ 200,000-300,000  คน​ จากนี้ไปจะอยู่ยาก​ เพราะปัญหาสงครามการค้า ท่ามกลางวิกฤติมีโอกาส เราก็ควรดึงกลุ่มนี้มาเรียนในไทย​ เด็กกลุ่มนี้ปกติจ่ายค่าเรียนปีละ 60,000-70,000  เหรียญสหรัฐ/ปี​ หากได้มา 50,000-100,000  คน ก็ถือว่าเยอะ ควรใช้จุดเด่น​ของปลอดภัยเมืองน่าเที่ยว หากมั่นใจว่าคุณภาพการศึกษาเราคุยว่าดี ก็ควรจะรับ จะเป็นมาตรการถัดไปที่จะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ  ซึ่งที่ผ่านมานักศึกษาจีนนับเป็นรายได้หลักของสหรัฐ ออสเตรเลีย  อังกฤษ” นายไพรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ ในการกระตุ้นระยะสั้นจากผลกระทบนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดหาย ซึ่งปกติจะสร้างรายได้แก่ไทยประมาณ  2 ล้านล้านบาท/ปี และคนไทยท่องเที่ยว 1 ล้านล้านบาท/ปี  ดังนั้น เดือนตุลาคมนี้จะออกโปรแกรมบังคับเที่ยว (FORCE TOURISM) ในช่วงวันอาทิตย์-พฤหัสบดี เช่น ขอให้กลุ่ม ปตท.และอีกหลายบริษัทจะให้พนักงานไปทำงาน หรือเที่ยว เช่นเดียวแบบการทำงานที่บ้าน (เวิร์กฟอร์มโฮม) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังประสานไปยังโรงแรมต่าง ๆ ให้ส่วนลดค่าห้องเป็นพิเศษ และเงินก็จะจ่ายตรงไปยังโรงแรม ซึ่งก็จะเป็นการกระตุ้นการจ้างงานก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันเดือนพฤศจิกายน


ส่วนโรงแรมใน กทม.ขณะนี้พบว่ามีปัญหาอย่างหนัก เพราะต่างชาติไม่เข้ามา ส่วนนักท่องเที่ยว กทม.ก็ไป ต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งที่จะมีการเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. คือ จะขอให้เปิดให้คนไทยในต่างชาติกลับมาเพิ่มขึ้นจาก 300 คน/วัน เป็น 600 คน/วัน   เป็นการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนที่ยังตกค้างหลายหมื่นคน และเมื่อกลับมาต้องสเตรทควอรันทีน 14 วัน รัฐออกเงินให้ 1,000 บาท/วัน โรงแรมเหล่านี้ก็พร้อมเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น

ส่วนปัญหาการจ้างงานต่างด้าวที่มีปัญหาที่ด่านชายแดนเปิดให้เข้ามา 30 คน/วัน/ด่าน ก็จะเสนอให้เปิดเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะขณะนี้มีปัญหามาก เช่น ไม่มีคนงานเก็บผลไม้ งานก่อสร้างต่าง ๆ  โดยการกักตัวเพื่อ ป้องกันการติดเชื้อ ก็จะเป็นรูปแบบให้นายจ้างเป็นผู้ดำเนินการ

ขณะเดียวกันจะเสนอ ศบค.ว่าไทยควรจะใช้รูปแบบเดียวกับสิงคโปร์ เวียดนาม ญี่ปุ่น คือ เปิดประเทศให้เข้า โดยให้ประเทศต้นทางทำการกักตัว (เสตรท ควอรันทีน) 14 วัน แทนที่จะเข้ามาทำในไทย หากเป็นรูปแบบนี้ก็จะค่อยเปิดประเทศรับทั้งนักลงทุน นักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้น  เช่น นักธุรกิจญี่ปุ่น ปัจจุบัน 1 สัปดาห์  ศบค.อนุญาตให้บินเข้าไทย 1 ลำ ประมาณ 200 คน ซึ่งนับว่าน้อย อย่างไรก็ตาม ครอบครัวนักธุรกิจก็ต้องการเข้ามาพักผ่อน  เพราะเมืองไทยปลอดภัย หากไทยอนุมัติให้เข้าแบบ LONG STAY ก็จะช่วยเพิ่มรายได้แก่ประเทศ  ด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ก็ได้มีข้อเสนอให้อนุญาตผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนบินเข้าไทยเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะดึงดูดการลงทุนท่ามกลางปัญหาสงครามการค้า และกำลังมองถึงการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาได้เป็นกรณีพิเศษ ตามเงื่อนไขซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมา ส่วนปัญหาที่ชาวจีนทิ้งเงินดาวน์ที่ตกลงกันไว้ก่อนเกิดปัญหาโควิด-19 ในเรื่องนี้ทราบว่าจีนจะกลับเข้ามาผ่อนต่อหลังจากไทยคุมโควิด-19 ได้ ก็กำลังหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะผ่อนคลายเพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนส่งเงินมายังไทย เพื่อผ่อนดาวน์ต่อได้อย่างไร ซึ่งก็จะเป็นแนวทางแก้ปัญหาอสังหาริมทรัพย์

มาตรการระยะยาว ได้เร่งกระตุ้นการลงทุนตามเมกะโปรเจกต์ โดยที่ประชุม ศบศ.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เห็นชอบให้เร่งกว่า 30 โครงการ เม็ดเงินมหาศาลนับแสนล้านบาท  และอีก 1 โครงการที่ตนเสนอ และ ศบศ.เห็นด้วย และเตรียมเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( อีอีซี ) วันที่ 2 ตุลาคม  คือ  โครงการสะพานไทยเชื่อมต่อโครงการอีอีซีภาคตะวันออกไปยังภาคใต้ สร้างเป็นอุโมงค์สะพานเชื่อมระหว่างจังหวัดชลบุรีไปยังจังหวัดเพชรบุรี หรือประจวบคีรีขันธ์  ความยาว 80 กม. เช่นเดียวกับอ่าวโตเกียวของญี่ปุ่น  หรือจีนที่เปิดสะพานเชื่อมฮ่องกง- มาเก๊า- จูไห่  เป็นการย่นระยะทางระหว่างการเดินทาง 2 ฝั่ง เป็นการนำความเจริญจากภาคตะวันออกไปสู่ภาคใต้ เบื้องต้นคาดลงทุน 900,000  ล้านบาท ลงทุนประมาณ 10 ปี โดยการศึกษาทางธรณีวิทยามีความเป็นไปได้ความลึกอ่าวไทยเพียง 20 เมตร ใช้ความเชี่ยวชาญที่ไทยมีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมายาวนาน โดยเฉพาะ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ทะเลไทยสร้างได้และที่สำคัญจะใช้วัสดุทั้งเหล็กและปูนของไทย 100 เปอร์เซนต์ ​ โดยจะให้อีอีซีดำเนินการและดึง​สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)​ มาร่วมศึกษา

“เครื่องยนต์เศรษฐกิจ​ขณะนี้ติดอยู่เครื่องเดียว คือ การลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะหยุดไม่ได้ ศบศ.มีการชงเร่งลงทุน 30 โครงการ หลายแสนล้านเกือบ 1 ใน 3 เป็นโครงการพีพีพี  คือ เอกชนลงทุนด้วย​ เรากำลังสร้างบรรยากาศ และเราก็บอกว่าเอกชนอย่าหยุดลงทุน เพื่อดึงเศรษฐกิจกลับมาให้ได้ โดยหวังว่าไตรมาส 3 ตัวเลขที่ลดน้อยกว่าร้อยละ 12 และไตรมาส 4 ก็ดีขึ้น และเมื่องบประมาณแผ่นดิน 2564 เข้ามาลงทุนเพิ่มเศรษฐกิจจะค่อยกลับคืนสภาพ​  โดยเมื่อภูมิใจชนะโควิด-19 ก็ต้องค่อยดึงเศรษฐกิจให้กลับคืนมาจากตัวแอลหางยาวมุ่งให้เป็นตัววีให้ได้เหมือนกับจีน  เรามีเวลาสั้น ๆ ที่ต้องทำ กลอุบายคือ การทำงาน ของ​ ศบศ.”  นายไพรินทร์ ​กล่าว

นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แจ้งทุกรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้รับพนักงานใหม่ประมาณ 100,000 คน และใช้งบประมาณการสัมมนาเหมือนกับช่วงต้นปีก่อนที่จะเกิดเหตุโควิด-19 เพราะทราบว่าหลังเกิดโควิด-19 ทุกแห่งมีการปรับลดงบประมาณ ลดการรับคน ซึ่งในฐานะหน่วยงานของรัฐก็ควรจะเป็นองค์กรหลักที่ร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]

ทบ.ยันคุมตัว 18 ทหารเขมร ยึดหลักกฎหมายสากล

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบก แถลงโต้กัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติสากล ยืนยันควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชายื่นข้อเรียกร้องต่อทางการไทย เพื่อให้ส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวไว้กลับประเทศ ขอเรียนว่าฝ่ายกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบของสากล ยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งเชื่อว่าประเทศพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ อย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่ฝ่ายไทยได้เปิดโอกาสให้องค์กรสากลที่เกี่ยวข้องสามารถประสานขอเข้าเยื่ยมชมได้ตลอดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝ่ายไทยได้มีการควบคุมตัว   อย่างเช่นเมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้แทนจาก ICRC ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เจ้าหน้าที่โครงการของ ICRC และล่าม รวม 4 คน เพิ่งมาเยื่ยมชมไป จึงขอยืนยันว่าการควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวอ้าง ทั้งนี้การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานะการณ์การหยุดยิงหรือสถานการณ์การสู้รบ จะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล และเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชายังมีเรื่องสำคัญอื่น ที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน […]

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]