กรุงเทพฯ 10 ก.ย.-เอกชนเสนอรัฐ หากร่วมโครงการ Workation Thailand กระตุ้นท่องเที่ยวไตรมาส 4 ต้องมีแพกเกจลดหย่อนภาษีมาสนับสนุน ด้าน กฟผ.จับมือ ททท. เปิด 4 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน รอบเขื่อน หวังเป็นส่วนหนึ่งเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวปีนี้ได้พุ่งกว่า 8 แสนล้านบาท
นส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ภาครัฐ และเอกชน ได้หารือร่วมกันในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ไตรมาส4/63 ตามโครงการ Workation Thailand ซึ่งจะมีการทำแพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย กลุ่มคนไทยที่ชอบเที่ยวต่างประเทศ จะดึงคนกลุ่มนี้เที่ยวไทยมากขึ้น และกลุ่มต่างชาติที่ทำงานในไทย หรือ Expat ซึ่งส่วนหนึ่ง จะดึงกลุ่มข้าราชการ –รัฐวิสาหกิจที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) หรือ ศบศ.เสนอให้หยุดท่องเที่ยว 2 วัน โดยไม่นับเป็นวันหยุดราชการ โดยจะเป็นรูปแบบ ท่องเที่ยว ทั้งการทำงาน การประชุม ในพื้นทีท่องเที่ยว( working, meeting ,outing )คาดว่าจะชัดเจนในปลายเดือนนี้ จากการหารือเบื้องต้น เอกชน เสนอให้ภาครัฐช่วยลดหย่อนภาษีนิติบุคคล ให้ หากสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ ซึ่ง ททท.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเสนอแก่รัฐบาลต่อไป
“ แม้ภาพรวมตลาดไทยเที่ยวไทยจะเริ่มดีขึ้น สะท้อนจากช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นในตัวเมืองท่องเที่ยว รอบ กทม.ดังนั้น จึงต้องมีโปรแกรมการตลาดส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อให้รายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท ซึ่งนับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 3 ล้านล้านบาท ก็เป็นผลพวงจากโควิด-19” นส.ฐาปนีย์ กล่าว
ส่วนมาตรการให้ออกวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ Special Tourist Visa นส.ฐาปณีย์ กล่าวว่า ททท.อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด แต่เบื้องต้นจะต่ออายุวีซ่าจำนวน 2 ครั้ง เพื่อให้พำนักในไทยนานขึ้น เพราะการเดินทางมาไทยจะต้อง จะต้องกักตัว 14 วัน จะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทย กลุ่ม Long stay หรือกลุ่มเดินทางเข้ามาเช่าเหมาลำ คาดว่าจำนวนที่เดินทางจะอยู่ที่ 100 คนต่อไฟล์ทบิน
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ร่วมกับ ททท.จัดทำทริปนำร่องเส้นทางท่องเที่ยวใน 4 เส้นทางบริเวณโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก, เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ ใน จ.กาญจนบุรี และโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา เพื่อส่งเสริมให้ไทยเที่ยวไทย จัดทำโปรโมชั่นสำหรับประชาชนทั่วไป และสำหรับพนักงานของกฟผ.เอง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่ง กฟผ.จะร่วมกับชุมชนที่จะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงไปพร้อมๆกันด้วย และยังมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าชุมชนที่กฟผ.เข้าไปส่งเสริมมาจัดจำหน่าย รวมไปถึงการทำร้านกาแฟ”คุณสายชล” ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการจ้างงานเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งร้านกาแฟ ไม่ได้มุ่งเน้นทำกำไรหาก แต่เน้นที่จะช่วยเหลือชุมชนที่ส่งเสริมชุมชนปลูกกาแฟแล้วรวบรวมจำหน่าย นำสินค้ามาวางขายในร้าน
ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า ในส่วนการจ้างงานโดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ตามนโยบายรัฐกฟผ.ยังอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงพลังงานที่ไม่ต้องการจ้างงานเพียง 1 ปีแล้วจบควรจะต่อยอดให้ทำงานได้ต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีการจ้างระดับ 10,000 คน ซึ่งแนวทางดังกล่าวคงจะไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินกฟผ.มากนักแม้ว่าปี 2563 กฟผ.จะมีกำไรที่ปรับลดลงตามยอดการใช้ไฟที่คาดว่าจะลดลง ร้อยละ3 จากปีก่อน -สำนักข่าวไทย