กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) เดินหน้ายื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 300 ล้านหุ้น ชูศักยภาพการเป็นผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย
นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนนอกจากจะเป็นกลไกสำคัญของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจต่าง ๆ และในชีวิตประจำวันของคนไทย ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมธุรกิจและการบริการให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากข้อมูลของ Frost & Sullivan ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชั้นนำ ระบุว่า บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) เป็นผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยที่เติบโตรวดเร็วที่สุด เมื่อพิจารณาจากปริมาณพัสดุที่จัดส่งโดยเฉลี่ยต่อวัน โดยปี 2557 – 2562 ปริมาณพัสดุรวมที่บริษัทฯ ดำเนินการจัดส่ง มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ 134.9% และยังเป็นผู้ให้บริการการเรียกเก็บเงินปลายทาง (Cash-on-Delivery) เป็นรายแรกและรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากมูลค่าธุรกรรม
ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าการค้าปลีกผ่านออนไลน์ปี 2562 – 2567 จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 17.3% ต่อปี จากการขยายตัวของอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เคอรี่ฯ กล่าวว่า บริษัทฯ ใช้โมเดลการกระจายพัสดุแบบ Hub-and-Spoke จากศูนย์คัดแยกไปยังศูนย์กระจายพัสดุย่อย เพื่อจัดส่งไปถึงจุดหมายปลายทาง และดำเนินธุรกิจแบบ Asset-Light ด้วยการเช่าทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์คัดแยกพัสดุ รถรับส่งพัสดุ เป็นต้น จึงไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า ปัจจุบันเคอรี่ฯ ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกไม่เกิน 300 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 17.24% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้
ทั้งนี้ ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายและให้บริการเติบโตจาก 6,626 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 19,782 ล้านบาท ในปี 2562 ขณะที่กำไรสุทธิ เติบโตจาก 730 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 1,329 ล้านบาท ในปี 2562 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจและความเป็นผู้นำด้านการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เคอรี่ฯ มีจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีศูนย์คัดแยกพัสดุขนาดใหญ่จำนวน 9 แห่ง ศูนย์กระจายพัสดุย่อยกว่า 1,200 แห่ง และรถจัดส่งพัสดุภายใต้การบริหารของบริษัทฯ กว่า 25,000 คัน.-สำนักข่าวไทย