กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่ค้านการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของการบินไทย เชื่อส่งผลดีทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ แต่ยึดมั่นหลักการเจรจาแผนชำระหนี้ ต้องไม่แฮร์คัด ตัดเงินต้น ตลอดจนการแปลงหนี้เป็นทุน
นายไพบูลย์ แก้วเพทาย รองประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) กล่าวว่า สหกรณ์ออมทรัพย์กว่า 70 แห่งที่ลงทุนในหุ้นกู้การบินไทยเห็นร่วมกันว่า ไม่คัดค้านการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหนี้ 15 รายคัดค้าน หนึ่งในนั้นมีสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งเดียวที่คัดค้าน คือ สหกรณ์ออมทรัพย์วชิรพยาบาล โดยภาพรวมเจ้าหนี้ที่ไม่คัดค้านมีประมาณร้อยละ 90 จึงเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการได้
สำหรับขั้นตอนหลังจากศาลให้ฟื้นฟูกิจการ ทางการบินไทยต้องแต่งตั้งผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ซึ่งการบินไทยสามารถขอเป็นผู้จัดทำแผนเอง ส่วนเจ้าหนี้ หากต้องการเสนอตัวเป็นผู้ทำแผนต้องได้มติเห็นชอบ 2 ใน 3 ของเจ้าหนี้ทั้งหมด โดย ชสอ.นั้น ไม่ประสงค์เสนอตัวเป็นผู้จัดทำแผน หรืออีกทางหนึ่งแต่งตั้งให้นิติบุคคลอื่น เช่น บอร์ดการบินไทยชุดก่อนหน้าแต่งตั้งบริษัท อีวายคอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟู แต่มีหลายภาคส่วนมองว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีความรู้ด้านการบิน
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า หากศาลเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูจะมีเวลา 3 เดือนในการจัดทำ หากไม่เสร็จขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ๆ ละ 1 เดือน ซึ่งคาดว่าการแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูจะทำได้ในเดือนกันยายน ส่วนการทำแผนดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ศาลจะนัดไต่สวนอีกครั้งว่า มีผู้ใดคัดค้านแผนฟื้นฟูซึ่งจัดทำขึ้นหรือไม่ หากไม่มีจะเข้าสู่กระบวนการให้เจ้าหนี้ขอรับการชำระหนี้ ซึ่งต้องเจรจาจนเป็นที่ยอมรับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ สำหรับ ชสอ.ยินดีเจรจาหนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ตัดเงินต้นหรือแฮร์คัท ไม่แปลงหนี้เป็นทุน แต่ยินยอมลดดอกเบี้ยตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ หากไม่มีการแฮร์คัทและไม่แปลงหนี้เป็นทุน แต่ปรับลดดอกเบี้ย ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสหกรณ์เจ้าหนี้จะไม่มาก สำหรับสหกรณ์เจ้าหนี้ที่ครบกำหนดชำระหนี้ปี 2563 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ออกหลักเกณฑ์ว่า ไม่ต้องตั้งค่าเผื่อสงสัยหนี้จะสูญ เพียงแต่ไม่บันทึกดอกเบี้ยครึ่งปีหลังเป็นรายได้ เพราะการบินไทยงดจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทำให้เงินปันผลของสมาชิกลดลงบ้าง แต่เงินต้นยังอยู่ครบถ้วน แล้วขยายกำหนดเวลาชำระหนี้ออกไป 3-4 ปี ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยการบินไทยดำเนินกิจการต่อได้ เมื่อมีรายได้ย่อมมีความสามารถในการชำระหนี้ตามแนวทางที่ตกลงกันใหม่.-สำนักข่าวไทย