กรุงเทพฯ 23 ส.ค. – ขสมก. คลอดแล้ว!! “สัญญาเชิงคุณภาพ” จ้างรถร่วมเอกชนเดินรถตามแผนฟื้นฟูกิจการ เงื่อนไขสุดหินต้องมีรถใหม่ ใช้พลังไฟฟ้า (EV)หรือ NGV ติดตั้งอุปกรณ์พร้อมระบบ E-Ticket ,ระบบ GPS ,Wi-Fi และ วางหลักประกันสัญญา ไม่น้อยกว่าคันละ 4ล้านบาท พร้อมประกันอุบัติเหตุ และโทษปรับแสนโหด ตั้งแต่แอร์ไม่เย็น รถเสียระหว่างทาง วิ่งไม่ตรงแผนเดินรถ คนขับรถไม่พร้อม ,การันตีผู้โดยสารได้ประโยชน์เต็มๆ
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. เปิดเผยถึงหลักเกณฑ์ที่ขสมก.จะมีการว่าจ้างเอกชนเดินรถ ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปลายเดือน สิงหาคม 2563 โดยการนำรถเอกชนเข้าร่วมถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินรถเมล์ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อให้สามารถกำหนดค่าโดยสารในอัตราเดียว 30 บาทต่อวัน มีการเดินรถเส้นทางที่สอดคล้องไม่ทับซ้อนกันเหมือนในอดีต โดยข้อกำหนดว่าจ้างรถร่วมเอกชนเข้าร่วมในแผนฟื้นฟูฯ เอกชนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ ขสมก. กำหนดไว้ อย่างเข้มงวด โดยผู้โดยสารที่ใช้บริการจะได้ประโยชน์สูงสุด
“ยืนยันว่าข้อกำหนดที่ออกมานั้นเป็นสัญญาเชิงคุณภาพ เพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกัน กับบริการของรถ ขสมก. ทั้งในเรื่องของสภาพตัวรถ พลังงานสะอาด ระบบเทคโนโลยีการให้บริการ สภาพความพร้อมของคนขับและพนักงาน รวมถึงการต้องจัดให้มีปริมาณรถวิ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ตามที่กำหนดในสัญญา เพื่อให้เพียงพอในการให้บริการแก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ” นายสุระชัยกล่าว
สำหรับข้อกำหนดที่เข้มงวดให้รถร่วมเอกชนต้องดำเนินการ เช่น ต้องเป็นรถร่วมเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตเดินรถจากกรมการขนส่งทางบก ในเส้นทางปฏิรูป 54 เส้นทาง ต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV) หรือรถก๊าซ NGV เท่านั้น ต้องเป็นรถโดยสารใหม่ หรือมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียน ต้องติดตั้งอุปกรณ์พร้อมระบบ E-Ticket / GPS / Wi-Fi มาพร้อมรถ ต้องเดินรถตามเงื่อนไขในสัญญาที่ ขสมก.กำหนด ต้องเป็นรถโดยสารชานต่ำ Universal Design ต้องวางหลักประกันสัญญา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5-10 % ของวงเงินตามสัญญา หากทำผิดสัญญา จะถูกริบหลักประกันจำนวนนี้ได้ ต้องจัดหารถสำรอง และต้องมีความพร้อมในการปรับปรุงเส้นทางในอนาคตอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นดังกล่าวผู้ประกอบการรถร่วมเอกชน เห็นว่าข้อกำหนดค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะการกำหนดให้ต้องลงทุนจัดหารถใหม่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี โดยเป็นรถ low floor มาตรฐานเดียวกับที่ ขสมก. กำหนด และการวางเงินหลักประกันสัญญา ทำให้รถร่วมเอกชนมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และต้องควบคุมคุณภาพต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียค่าปรับ กรณีที่กำหนดให้ต้องเสียค่าปรับ อาทิเช่น แอร์ไม่เย็น รถเสียระหว่างทาง รถเสียจุกจิก วิ่งไม่ตรงแผนเดินรถที่กำหนดไว้ คนขับรถไม่พร้อม และการขับขี่รถไร้มารยาท
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประกอบการ รถร่วมเอกชน เข้าใจดีว่า ขสมก.ต้องการทำให้ผู้โดยสาร ได้รับบริการที่ดีที่สุด ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้รับบริการที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง . – สำนักข่าวไทย