กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – กรมป่าไม้ร่วม กอ.รมน.ดำเนินคดีภรรยาอดีตข้าราชการระดับสูงกระทรวงทรัพย์ฯ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด
นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ กล่าวว่า ร่วมกับศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.) นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นำชุดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าประมาณ 50 นาย ตรวจสอบพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ที่มีการร้องเรียน อดีตข้าราชการระดับสูงและนายทุนจากภาคกลางบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฯ
ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบตามข้อร้องเรียนตามที่นายประสม ประคุณสุขใจ ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายจารึก ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าคณะฯ ว่า มีแปลงที่ดินทำเป็นรีสอร์ตของอดีตข้าราชการระดับสูงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ บริเวณบ้านเสลียงแห้ง 1 หมู่ที่ 3 ต.สะเดาะพง จึงตรวจสอบหม้อมิเตอร์ไฟฟ้า พบว่าครอบครองโดยภรรยาของอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งซื้อต่อมาเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ จากนั้นผู้ครอบครองแบ่งที่ขายต่ออีกคงเหลือเพียงบ้านพักตากอากาศ 1 หลัง และพื้นที่ประมาณ 4 ไร่เศษ
นายนฤพนธ์ กล่าวต่อว่า คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาปางก่อ และป่าวังชมภู ประกาศตามกฎกระทรวงฉบับที่ 1184 (พ.ศ.2529) และการยึดถือครอบครอบที่ดินอดีตข้าราชการระดับสูงของ ทส.ขัดต่อหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งผู้ซื้อถือว่าเป็นผู้บุกรุกใหม่ อีกทั้งไม่เข้าหลักเกณฑ์ผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ตามแนวทางคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 ซึ่งเห็นชอบโดยมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เป็นการกระทำความผิดกฎหมายจึงตรวจยึดพื้นที่บุกรุกเนื้อที่ 4 – 2 – 40 ไร่ ค่าเสียหายของรัฐ 313,923.40 บาท
ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่กำลังก่อสร้างโครงเหล็กขนาดใหญ่และก่อสร้างตอม่อคอนกรีต เตรียมสร้างร้านอาหาร และที่พักอยู่ริมถนนสายนางั่ว-สะเดาะพง บริเวณบ้านเพชรช่วย หมู่ที่ 4 ต.สะเดาะพง โดยด้านหน้าติดถนนเปิดเป็นร้านขายต้นไม้ชื่อ ศรีวิชัยพันธุ์ไม้ มีตาข่ายสีดำคลุมเป็นหลังคา บริเวณด้านหลังร้านขายต้นไม้พบคนงาน 3 คน กำลังทำงานเชื่อมโครงเหล็กขนาดใหญ่ เมื่อสอบถามถึงเจ้าของที่ดินคนงานให้การว่าเป็นของนายทุนจากจังหวัดนครปฐมจ้างมาปรับพื้นที่และก่อสร้างดังกล่าว โดยรถแบคโฮและรถแทรคเตอร์ล้อยางเป็นของนายทุน เมื่อเจ้าหน้าที่ให้คนงานโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ครอบครอง ได้รับแจ้งว่าซื้อที่ดินต่อมา แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน จากนั้นตรวจสอบข้อมูลกับกรมป่าไม้ ไม่พบว่ามีการสำรวจการถือครองตามมติ ครม.วันที่ 30 มิถุนายน 2541 แต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดกฎหมายป่าไม้ จึงวัดค่าพิกัดและตรวจยึดพื้นที่ที่บุกรุกยึดถือครอบครองเนื้อที่ 0 – 3 – 22 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ 59,500 บาท พร้อมทั้งตรวจยึดรถแบคโฮและรถแทรคเตอร์ที่ใช้ก่อสร้าง นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเขาค้อลงวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย