fbpx

นายกฯ เปิดใช้มอเตอร์เวย์ “พัทยา-มาบตาพุด” 24 ส.ค.นี้

กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – “ศักดิ์สยาม” เผยนายกฯ เตรียมเปิดใช้มอเตอร์เวย์ “พัทยา-มาบตาพุด” อย่างเป็นทางการ 24 ส.ค.นี้ และเปิดการใช้งานคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติและหลักนำทางยางธรรมชาติเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จังหวัดจันทบุรี


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีรว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปเปิดการใช้งานโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา – มาบตาพุด อย่างเป็นทางการ โดยทุกด่านพร้อมเปิดให้บริการ ประกอบด้วย ด่านห้วยใหญ่ ด่านเขาชีโอน และด่านมาบตาพุด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะมีปริมาณรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน ลดเวลาการเดินทางจากมาบตาพุด – พัทยา ด้วยเวลาน้อยกว่า 30 นาที จึงเป็นถนนที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ ทำเงิน ทำทอง ให้กับพี่น้องประชาชน

“โครงการได้ออกแบบงานระบบตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โดยจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบระบบปิด คิดอัตราค่าผ่านทางตามระยะทางที่ใช้จริง ประกอบด้วย ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านแบบเงินสด (MTC) และระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบอัตโนมัติ (ETC) ซึ่งในอนาคตสามารถพัฒนาสู่ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ตลอดสายทาง” รมว.คมนาคม กล่าว


นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า กรมทางหลวงกำลังดำเนินการส่วนต่อขยายถึงสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะมีระยะทางเพิ่มเติมอีกประมาณ 7 กม. เพื่อรองรับผู้โดยสารมาใช้บริการที่สนามบินอู่ตะเภาในอนาคต คาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเติมเต็มโครงข่าย EEC อีกด้วย นอกจากนี้ วันที่ 25 สิงหาคม 2563 หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจังหวัดระยอง นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นประธานเปิดการใช้กำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (RGP) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ถือเป็นการปักหมุดโครงการนี้ในประเทศไทย

รมว.คมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ช่วยกันผลิตคิดค้นตามโครงการนำยางพารามาใช้ในประเทศ จนประสบความสำเร็จผ่านการทดสอบของสถาบัน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ประเทศเกาหลีใต้ ในมาตรฐานระดับโลก สำหรับความปลอดภัยด้านการจราจร ถือเป็นความสำเร็จของนโยบาย Thai First ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน ในพิธีจะมีนิทรรศการเสมือนจริงในการสาธิตขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่การผสมยาง การขึ้นแบบ การอบ จนถึงการทาสีอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด พร้อมรับชมการติดตั้งบนถนนจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่าใช้เวลารวดเร็วเพียง 1 ช่องทาง ในการทำงานเท่านั้น

ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีแรกจะมีการใช้ยางพาราไม่น้อยกว่า 1.007 ล้านตัน เกษตรกรชาวสวนยางพารา จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท และปีที่ 3 วัสดุยางพาราจะเสื่อมสภาพหมดอายุการใช้งาน ปีต่อไปจึงต้องใช้ยางพารามาผลิตวัสดุยางพาราใหม่หมุนเวียนทุกปี ดังนั้น จึงจะทำให้เป็นการสร้างเสถียรภาพยางพาราอย่างยั่งยืน และเมื่อครบ 3 ปี จะต้องเปลี่ยนเฉพาะ Rubber Fender 1/3 เพราะ Rubber Fender มีอายุใข้งานกลางแจ้ง ได้ครั้งละ 3 ปี ทำให้ต้องมีการสร้าง Rubber Fender ทดแทนทุกปี เริ่มจากปี 2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะต้องใช้น้ำยางดิบปีละประมาณ 350,000 ตัน ในการผลิต Rubber Fender สำหรับ Concrete Barriers เมื่อดำเนินการติดตั้งแล้วสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนได้ตลอดไป


นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังค้นพบว่าวัสดุที่ทำจากยางพาราแต่ละปีมีการนำไปเผาทิ้งจำนวนมาก เช่นยางรถยนต์ ส่งผลต่อมลภาวะทางอากาศ ก๊าซพิษ และฝุ่นผง จำนวนมาก รวมถึง นำแผ่นยางธรรมชาติหุ้มคอนกรีต (RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (RGP) ที่หมดอายุ โดยมีข้อเสนอให้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เรียกว่า “การรีไซเคิล ผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่ใช้ในการขนส่ง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ (BCG) มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ เพื่อจะเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษารูปแบบ ความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการต่อไป

รวมทั้งนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้รายงานให้ทราบว่าปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางพารา 3 ชนิด ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2563 ได้แก่ น้ำยางสด ราคา 43บาท/กิโลกรัม ยางแผ่นดิบ 46.05บาท/กิโลกรัม ยางแผ่นรมควันชั้น3 ราคา 48.70บาท/กิโลกรัม ถือว่าราคายางขยับพุ่งพรวดทุบสถิติในรอบ 8 เดือน โดยมีปัจจัยจากข่าวสารเรื่อง ที่นายกรัฐมนตรี จะไปเป็นประธานในเปิดโครงการคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติและหลักนำทางยางธรรมชาติเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นส่วนประกอบสำคัญ ของราคายางที่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้