กรุงเทพ ฯ 17 ส.ค. – ซีไอเอ็มบี ไทย ยังมองจีดีพีปีนี้ติดลบ 8.9% ชี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการชุมนุมประท้วง เป็นปัจจัยที่ให้น้ำหนัก
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า สภาพัฒน์รายงานจีดีพีไตรมาส2/63หดตัว 12.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือหดตัว 9.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า หลังปรับฤดูกาล ปัจจัยที่กดดันให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเป็นประวัติการณ์รองจากไตรมาสสองปี 2541 ที่จีดีพีหดตัว 12.5% มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มเห็นการขยายตัวแบบช้าๆ ช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนจะปรับมุมมองเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้ที่คาดไว้ติดลบ 8.9% หรือไม่ จะขอรอดูตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนต้นไตรมาส3และนโยบายเศรษฐกิจ ประกอบกับ ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการชุมนุมประท้วง เป็นปัจจัยที่ให้น้ำหนัก
สำหรับปัจจัยการเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจผ่านความเชื่อมั่นผู้ลงทุนและผู้บริโภค ในอดีต ช่วงที่ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น การประท้วง การรัฐประหาร และการเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลลบมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม และมีเมืองเศรษฐกิจและท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆช่วยลดผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงเทพ เสมือนสารเทฟล่อนที่ช่วยเคลือบกระทะ ทำให้เวลามีความไม่แน่นอนต่างๆ เศรษฐกิจไทยไม่สะดุด วารสารดิอิโคโนมิสต์จึงเคยเรียกเราว่า เทฟล่อนไทยแลนด์ เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน
“เวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงวันนี้ แม้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบรุนแรงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทะที่เรายังใช้กันแม้จะเก่าและเป็นรอย แต่ผมมองว่าสารเทฟล่อนยังใช้การได้ ผมเชื่อในการปรับตัวของเอกชนไทย แม้เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจหรือการเมือง แต่ถ้าเศรษฐกิจสามารถปรับตัวได้อย่างเทฟล่อนไทยแลนด์ เศรษฐกิจจะยังคงประคองตัวอยู่ได้ และอยากให้เราใจเย็นๆ ก่อนนะเพราะการประท้วงหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้อาจไม่รุนแรงและอยู่ในขอบเขต ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มาก เพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนจะเข้าใจสถานการณ์และปรับตัวได้ และท้ายสุด มาตรการทางการเงินและการคลังก็จะออกมารองรับและประคองเศรษฐกิจได้ เศรษฐกิจไทยจึงไม่น่าจะหดตัวแรงดังเช่นไตรมาส2 แต่อาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด” นายอมรเทพ กล่าว . – สำนักข่าวไทย