กรุงเทพฯ 4 ส.ค. – เขื่อนอุบลรัตน์น้ำน้อยขั้นวิกฤติต้องนำน้ำก้นอ่างมาใช้มีสถานการณ์ดีขึ้น หลังพายุซินลากูทำน้ำไหลเข้า 19 ล้าน ลบ.ม. สูงสุดในรอบปี
นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ 6 ทั้ง 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ว่า จากอิทธิพลพายุซินลากูทำให้มีฝนตกในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม จึงมีน้ำไหลเข้าเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง 73 แห่ง กระจายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางรวมกันประมาณ 89 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น มีน้ำไหลเข้าสะสมในช่วงที่ผ่านมา 19 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาตรมากที่สุดในรอบปี
นายศักดิ์ศิริ กล่าวต่อว่า ฝนที่ตกชุกส่งผลให้น้ำจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทั้งต้นลำน้ำชีและต้นลำน้ำพองที่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ อีกส่วนหนึ่งไหลมาจากต้นน้ำเชิญที่เทือกเขาน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ มาลงลำน้ำเชิญก่อนไหลลงเขื่อนอุบลรัตน์ สำหรับน้ำที่ไหลมาจากลำพะเนียง จากอำเภอนากลาง จะไหลผ่านจังหวัดหนองบัวลำภู ลงเขื่อนอุบลรัตน์ ที่อำเภอโนนสังเช่นเดียวกับลำน้ำพอง ปัจจุบันเขื่อนอุบลรัตน์ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 2,090 ล้าน ลบ.ม. คาดว่า อาจจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนต่อเนื่องอีก 2-3 วัน ซึ่งจะช่วยให้สถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีน้ำน้อยอยู่ในเกณฑ์วิกฤติต้องนำน้ำก้นอ่างมาใช้จะมีสถานการณ์ดีขึ้น ส่วนเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์และเขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ มีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากเช่นกัน
“สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักจนน้ำป่าไหลหลาก โดยรายงานสถานการณ์น้ำบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในจังหวัด และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบสถานการณ์น้ำ รวมทั้ง จัดเตรียมเครื่องจักรเ-ครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ให้พร้อมในการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันที” นายศักดิ์ศิริ กล่าว.-สำนักข่าวไทย