กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – อธิบดีกรมชลประทานระบุพายุซินลากูทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ 31 ก.ค. ส่งผลน้ำไหลเข้าเขื่อนทั่วประเทศ โดยเฉพาะเขื่อนใหญ่ ซึ่งมีน้ำในเกณฑ์น้อย ชี้เกษตรกรที่รอฝนเพาะปลูกข้าวนาปีเริ่มลงมือได้แล้ว เตรียมปรับลดปริมาณการระบายน้ำของเขื่อน เพื่อให้มีน้ำพอใช้ตลอดฤดูแล้งที่จะมาถึง
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทุกภาคของไทย ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนใหญ่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเขื่อนที่มีน้ำในเกณฑ์น้อย เช่น เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดน่านมีน้ำไหลเข้า 16 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก 10 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น 18 ล้าน ลบ.ม. ตลอดจนเขื่อนภาคตะวันออก คือ เขื่อนบางพระ จังหวัดชลบุรี เขื่อนหนองปลาไหล และเขื่อนประแสร์ จังหวัดระยอง ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะมีน้ำเพื่อทุกกิจกรรม ส่วนการบริหารจัดการน้ำจากนี้ไปจะเน้นเก็บกักน้ำในเขื่อนและแก้มลิงทุกแห่งให้มากที่สุด ลดการระบายน้ำ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอใช้ตลอดฤดูแล้งปี 2563/2564
ทั้งนี้ ตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าจะมีฝนต่อเนื่องจนถึงพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) โดยพื้นที่ที่มีฝนตกกระจายมากที่สุด คือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ปริมาณน้ำท่าในลำน้ำธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ส่วนพื้นที่เกษตรจะมีความชุ่มชื้น ดังนั้น เกษตรกรที่รอเพาะปลูกข้าวนาปีสามารถทำได้แล้ว โดยจะเก็บเกี่ยวประมาณต้นเดือนธันวาคม หรือที่ชาวนาเรียกว่า “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ”
นายทองเปลว กล่าวต่อว่า อิทธิพลของพายุซินลากูจะยังทำให้บางพื้นที่มีฝนตกหนัก แล้วเกิดน้ำป่าไหลหลากได้ ดังที่เกิดขึ้นใน 9 จังหวัด มีบางแห่งน้ำเซาะพนังกั้นน้ำขาด แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เขื่อนหรืออาคารชลประทานพัง เพราะตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ โดยกรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ซ่อมแซมพนังที่ขาดและนำเครื่องจักร-เครื่องมือเปิดทางให้น้ำป่าที่ไหลหลากระบายได้รวดเร็วขึ้น ขณะนี้เหลือน้ำท่วมขัง 3 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ และขอนแก่น แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในพื้นที่อื่น ๆ อย่างใกล้ชิดด้วย.-สำนักข่าวไทย