บล.เอเซีย พลัส หั่นจีดีพีปีนี้เป็นครั้งที่ 3 เหลือติดลบ1.4 %

กรุงเทพ ฯ  20 มี.ค. – บล.เอเซีย พลัส ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้เป็นติดลบ 1.4 % จากพิษโควิด-19 พร้อมหั่นส่งออกติดลบ 5.5 % 


นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นครั้งที่ 3 เหลือหดตัว 1.4% จากเดิมที่คาดขยายตัว1.6% โดยพบว่า มีหลายปัจจัยที่รุมเร้าทั้งจากปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยภายใน การปรับลดจีดีพีครั้งนี้ภายใต้สมมติฐานที่ว่าการระบาดของโควิด-19 จะสามารถควบคุมได้ ในไตรมาส 3/63 นี้ 

โดยมีการปรับลดสมมติฐานหลักๆสำคัญ ได้แก่ส่งออกหดตัว 5.5% นำเข้าหดตัว 6% (ในรูปดอลลาร์สหรัฐ)  แม้ว่าส่งออกเดือนมกราคม 2563จะขยายตัวได้ 3.5% แต่มาจากส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้น หากตัดทองคำออกจะส่งออกติดลบ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้จะกระทบจากทั้งโรคโควิด-19ทำให้หลายประเทศทั่วโลกทั้งฝั่งยุโรป เอเซีย และอื่นๆ ต้องยกระดับควบคุมการแพร่ระบาด เช่น การปิดประเทศ, ปิดกั้นพรมแดน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้า การขนส่ง ชะลอลง


ขณะที่ประเด็นเรื่องของราคาน้ำมันดิบที่ต่ำ หลุด 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะกระทบส่งออก เนื่องจากไทยมีการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันราว 10% ของการส่งออกรวม เช่นเดียวกับฝั่งนำเข้า ที่คาดภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้เอกชนชะลอการนำเข้าสินค้า สะท้อนได้จาก การบริโภคครัวเรือนคาดหดตัว 1.3% ผลจากภัยแล้งหนักสุดในรอบ 40 ปี  นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้าไทยกระทบการจับจ่ายใช้สอย , การปิดสถานบันเทิง สถานที่ชุมชน , ประชาชนไม่ออกจากบ้านจากความกังวลโควิด-19และที่สำคัญคือ มาตรการคลังของภาครัฐยังไม่มีมาตรการที่แรงพอจะพยุงเศรษฐกิจ ส่วนการลงทนภาคเอกชนคาดหดตัว 2.5% จากนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน หลังจากหลายประเทศที่ปิดประเทศจากเรื่องของโควิด-19 ด้านราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดเหลือ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  จากเดิม 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่สมมติฐานอื่นๆยังคงเดิม เช่น การใช้จ่ายภาครัฐคาดโต 2.5% และการลงทุนภาครัฐคาดโต 2% ซี่งยังมองว่ามีความเป็นไปได้ เห็นได้จากงบประมาณปี 63 หลังจากที่ผ่านเดือนมี.ค.63 เริ่มเห็นรัฐเริ่มเร่งเบิกจ่าย แต่ก็เน้นไปที่โครงการลงทุนขนาดเล็กมากกว่า


ฝ่ายวิจัยฯคาดอัตราการขยายตัวหดตัว 1.4% เทียบกับหน่วยงานอื่น เช่นหน่วยงานเอกชนหลายแห่ง คาดอยู่ในช่วงหดตัว 0.3% จนถึงหดตัว 0.8% ขณะที่หน่วยงานของรัฐคาดขยายตัว 1.1-2 % ซึ่งคาดว่าในอนาคตหน่วยงานรัฐจะมีการปรับลงตามแน่นอน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง