กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – ราคาน้ำตาลตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นจากผลผลิตอ้อยปีนี้ต่ำกว่าคาด ขณะที่ความต้องการน้ำตาลโลกสูงกว่าที่ผลิตได้ แม้สตอกน้ำตาลค้างจากปีก่อนหน้าจะมีอยู่มาก เชื่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยอาจได้ราคาอ้อยสูงกว่าตันละ 750 บาท
นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า ผลพวงจากการที่แนวโน้มคาดการณ์ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลปีนี้ลดลงจากปีก่อนหน้า อ้อยเข้าหีบโรงงานน้ำตาลลดลง และแนวโน้มความต้องการมีมากกว่า แม้จะมีน้ำตาลอยู่ในสตอกค้างปีที่แล้วหรือฤดูกาลผลิตปี 2561/2562 จะยังคงมีค้างก็ตาม แนวโน้มดังกล่าวส่งผลดีต่อสถานการณ์ราคาน้ำตาลตลาดโลก โดยขณะนี้ราคาน้ำตาลตลาดล่วงหน้าโลก เริ่มปรับเพิ่มขึ้นจากที่เคยอยู่ในระดับ 12 เซนต์ต่อปอนด์ ล่าสุดอยู่ในระดับประมาณ 13-14 เซนต์ต่อปอนด์ โดยราคาน้ำตาลทรายดิบ นิวยอร์ค No.11 ส่งมอบเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ 13.55 เซนต์ต่อปอนด์ ขณะที่ราคาส่งมอบเดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ 14.32 เซนต์ต่อปอนด์
นายวิฤทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นข่าวดีหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลไทย เพราะจะช่วยสะท้อนผลดีต่อราคาอ้อยที่เกษตรกรจะได้รับสำหรับฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 ที่ราคาอ้อยขั้นต้นกำหนดไว้ที่ตันละ 750 บาท ทำให้มีแนวโน้มว่าชาวไร่อ้อยอาจจะได้รับสูงกว่าราคานี้ ในท้ายที่สุดก็มีความเป็นไปได้ แต่จะต้องจับตาว่าประเทศอินเดียจะส่งออกน้ำตาลจำนวนมากหรือไม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลตลาดโลก ซึ่งผู้ประกอบการน้ำตาลไทยและตลาดโลกกำลังจับตาดู สำหรับการส่งออกน้ำตาลของไทยสถานการณ์ปกติท่ามกลางแนวโน้มทิศทางราคาตลาดล่วงหน้าปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ครั้งที่ 11/2562 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2562 มีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2562/2563 ในอัตราอ้อยตันละ 750 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส อัตราขึ้นลง อยู่ที่ 45 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส
สำหรับผลผลิตอ้อยฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 มีปริมาณลดลงจากเดิมที่เคยประมาณการว่าจะมีผลผลิต 115 ล้านตัน โดยคาดว่าจะมีผลผลิตอ้อย 100 ล้านตันเศษเท่านั้น ไม่ถึงตามที่เคยประมาณการเอาไว้ ผลผลิตน้ำตาลก็จะลดลง คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 12 ล้านตันเศษ ซึ่งจะใช้บริโภคในประเทศประมาณ 2.6 ล้านตัน ที่เหลือประมาณ 10 ล้านตันจะส่งออกต่อไป.-สำนักข่าวไทย