กาญจนบุรี 11 พ.ย. – รมว.คลังประชุมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ผ่านประชารัฐสร้างไทย จังหวัดภาคกลางตอนล่าง ส่วนราชการพื้นที่แนะเร่งจัดสรรที่ราชพัสดุ อนุรักษ์แพท่องเที่ยวเมืองกาญจนบุรี มุ่งสร้างเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง ช่วยลดพึ่งพาการส่งออก
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน “ประชารัฐสร้างไทย” ระหว่างการร่วมประชุม ครม.สัญจร ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง จัดทำแผนเพื่อขับเคลื่อนดูแลเศรษฐกิจฐานรากให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่องค์กรท้องถิ่นของกาญจนบุรีหนุนให้จัดสรรที่ราชพัสดุมอบให้กับชาวบ้าน เพื่อให้มีสิทธิ์ทำกินในที่ดินครอบครองอยู่ หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรีเสนอการส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งทุนของเอกชนรายย่อย การนำกองทุนเอสเอ็มอีดอกเบี้ยร้อยละ 1 ยังไม่เพียงพอสำหรับผู้ประกอบการ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเสนอการก่อสร้างสนามบิน เพื่อเชื่อมต่อกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่น เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และต้องการให้อนุรักษ์ เพื่อดูแลการท่องเที่ยวแพ เมืองกาญจนบุรี เพราะเป็นวิถีท่องเที่ยวชุมชน ผ่านการบริหารจัดการให้เป็นระบบ
กระทรวงการคลังต้องการปรับบทบาทแบงก์รัฐทุกแห่งไปสู่ธนาคารเพื่อการพัฒนา ธ.ก.ส. ดูแลเกษตรกรเน้นแปรรูปไปสู่อุตสาหกรรม ธนาคารออมสินสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ดูแลเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมท่องเที่ยง ธนาคารกรุงไทยดูแลอุตสาหกรรม เช่น การแปรรูปอ้อย การสร้างเครือข่ายรายเล็ก กลาง ไมโครเอสเอ็มอี การค้าชายแดน กรมศุลกากรต้องส่งเสริมการค้าชายแดนให้ขยายตัว พร้อมรับข้อเสนอของทุกหน่วยงานในพื้นที่ภาคตะวันตกมีศักยภาพการค้าชายแดน เกษตรแปรรูป หายึดโยงกับพื้นที่อีอีซี จะช่วยเชื่อมต่อขนถ่ายสินค้ากับ 3 จังหวัดตะวันตก เพื่อการส่งออกอย่างไร กระทรวงคลังพร้อมผลักดันร่วมกับคมนาคม การค้า เพื่อใช้ระบบโลจิสติกส์ในการส่งออกสินค้า สำหรับการกำหนดนิยามผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้ยกเลิกจำนวนแรงงาน ขนาดทรัพย์สิน เพราะสมัยใหม่ค้าขายผ่านออนไลน์มากขึ้น จากเดิมกำหนดลูกจ้างไม่เกิน 200 ราย หันมาเน้นดูรายได้จากการขายไม่เกิน 50 ล้านบาท เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งทุนภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ขับเคลื่อนได้มากขึ้น
ส่วนเรื่องการจัดสรรสิทธิ์ครอบครองที่ดินทำกินต้องสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในการใช้ประโยชน์ชองชาวบ้าน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหาทุนประกอบอาชีพได้ พร้อมประสานกับหลายหน่วยงาน เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน พร้อมให้คลังจังหวัดประสานกับทุกหน่วยงาน เพื่อส่งมายังกระทรวงในการขับเคลื่อนมาตรการ นอกจากนี้ ยังต้องการส่งเสริมการลดต้นทุนให้กับเอสเอ็มอี การค้าขายผ่านออนไลน์ เพื่อรองรับความผันผวนเศรษฐกิจโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยอมรับว่าเศรษฐกิจในพื้นที่ชุมชนเข้มแข็งและหนุนให้รัฐบาลดูแลชุมชนผ่านหลายมาตรการทั้งชิมช้อปใช้ การให้สินเชื่อราย่อย แต่ระยะต่อไปต้องสร้างให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งไม่พึ่งพาส่งออกจากช่วงที่ผ่านมา
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชี้แจงว่า แนวทางการพัฒนาเกษตรกรใน 3 จังหวัด ดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ผ่านสินเชื่อระบบน้ำ รถตัดอ้อย ธ.ก.ส.เตรียมร่วมมือกับภาคเอกชนบริษัท มิตรผล กระทรวงอุตสาหกรรม มูลนิธิสัมมาชีพ เพื่อร่วมกันดูแลอุตสาหกรรมอ้อย ลดการเผาไหม้ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ส่วนโรงงานน้ำตาลอีกหลายราย ดูแลด้วยการรับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่จาก 50 ชุมชน เพื่อนำใบอ้อยไปใช้เป็นวัตถุดิบเผ่าไหม้ สำหรับการผลิตโรงงานไฟฟ้าชีวมวล เพราะสร้างรายได้จากใบอ้อยไร่ละ 2 ตัน รายได้ 100 บาทต่อตัน และยังพร้อมให้สินเชื่อพลังงานทดแทน และยังช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ใบอ้อย ขณะที่ภาคเอกชนเสนอเพิ่มวงเงินสินเชื่อซื้อรถตัดอ้อยเพิ่มเติม
การยกระดับนำโมเดลจากชุมชนหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน มาช่วยดูแลส่งเสริมดูแลขนมทองม้วน เพราะมีศักยภาพส่งออกได้นับพันล้านบาทต่อปี จึงหารือกับแกนนำชุมชนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกาญจนบุรี การท่องเที่ยวฯ พร้อมมาร่วมพัฒนาหนองส่าหร่ายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก สำหรับจังหวัดราชบุรี เป็นตลาดค้าส่งผักใหญ่ที่สุดจังหวัดหนึ่ง และการผลิตโคนม เพื่อพัฒนาห่วงโซ่ ด้วยการส่งเสริมการปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อเชื่อมโยงตลาดร่วมกัน จึงต้องปรับปรุงอาชีพหลัก พืชผักผลไม้นับร้อยกลุ่ม การเลี้ยงโคนม ในส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนใหญ่มีการปลูกข้าว จึงต้องดูแลเรื่องปุ๋ยสั่งตัด การใช้โดรน ขณะนี้มีกลุ่มสหกรณ์มีโดรน 100 ลำ บอร์ด ธ.ก.ส.อนุมัติปรับเปลี่ยนอาชีพวงเงิน 15,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยผ่อนปรน ดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 เพื่อรับจ้างบินโดรนใส่ปุ๋ย ฉีดยาปราบศัตรูพืช ภายในสิ้นปี ธ.ก.ส. เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
ผู้บริหารธนาคารออมสิน ชี้แจงว่า มุ่งสร้างอาชีพ สร้างความรู้ สร้างตลาดให้กับชุมชน และได้รับฟังความเห็นจากประชาชน พบว่า เวลาเปิด ปิด บริการยังไม่สอดคล้องกับการดำเนินวิถีชีวิตของชาวบ้าน ขณะนี้แผงค้าขายกระจายทั่วประเทศ 227,932 แผงค้า มีตลาดชุมชน 2,514 ตลาด ในส่วนของ 3 จังหวัด มีตลาด 129 ตลาด และแผงค้า 9,798 แห่ง แบงก์รัฐร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมทั้งการท่องเที่ยวชุมชน การสร้างตลาดออนไลน์
ในส่วนของเอสเอ็มอีดีแบงก์ ดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เมื่อตัดอ้อยเสร็จจะส่งเข้าหีบเป็นน้ำตาล จึงพร้อมให้สินเชื่อดูแลโลจิสติกส์ในอุตสาหรกรมอ้อย ขณะนี้อนุมัติสินเชื่อแล้ว 50 ราย วงเงิน 170 ล้านบาท อาจเพิ่ม 300 ล้านบาท ในปีหน้า 3 จังหวัดคาดว่าปล่อยสินเชื่อได้ 900 ล้านบาท สำหรับการท่องเที่ยวที่พักโรงแรม สินค้าโอท็อป พร้อมให้สินเชื่ออุตหสากรรมฐานรากให้เป็นมาตรฐาน พัฒนาบรรจุภัณฑ์
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกุรงไทย ชี้แจงที่ประชุมว่า ธนาคารกรุงไทยเน้นดูแลสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว จึงส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยว 10 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้เข้า 3 จังหวัดจำนวนมาก การใช้เงินผ่านชิมช้อปใช้ กระเป๋า 2 วงเงิน 30 ล้านบาท จึงต้องเร่งรัดให้มีการใช้เงินผ่านร้านกาแฟ ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ริมแม้น้ำแควมีร้านเข้าร่วมโครงการกว่า 180 ร้านค้า หลังจากประสานหลายหน่วยงาน จึงเร่งทำความเข้าใจเพื่อใช้เงินผ่านกระเป๋า 2 ได้ประสานการออกแพ็จเกจในพื้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายให้ใช้เงินผ่านกระเป๋า 2 มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย