บ้านปูเพาเวอร์มั่นใจขยายกำลังผลิตเกินเป้าหมาย


กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากเดิม 4,300 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 68 ภายในกลางปีนี้ หลังคาดจะได้กำลังผลิตเพิ่มในจีน,ญี่ปุ่นและเวียนดนาม  


นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บ้านปู เพาเวอร์ กล่าวว่า ภายในกลางปี 2562 บริษัทจะมีแผนประกาศเพิ่มเป้าหมายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นจากแผนเดิม ตั้งเป้า จะมีกำลังผลิต  4,300 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 68 โดยในส่วนนี้เป็นพลังงานทดแทนร้อยละ 20 สาเหตุที่มั่นใจ เนื่องจากศักยภาพการหากำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่มีเพิ่มขึ้น ทั้งการเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการพลังงานทดแทน  ในจีน,ญี่ปุ่น และเวียดนาม รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Conventional) ในไทยและเวียดนาม 

                 นายสุธี กล่าวว่า เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 4,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 68 เมื่อเทียบกับที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน 2,869 เมกะวัตต์ คงเหลือกำลังการผลิตที่จะต้องหาใหม่อีกราว 1,400 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 1,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 400 เมกะวัตต์ โดยการมองหากำลังการผลิตใหม่เข้ามาจะมาจากฐานประเทศที่มีอยู่แล้ว และประเทศใหม่ที่มีศักยภาพ  โดย ปัจจุบัน BPP มีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ 2,869 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้า 28 แห่ง ในไทย ,จีน ,ญี่ปุ่น ,เวียดนาม ,ลาว โดยเป็นโครงการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 17 แห่ง กำลังผลิตรวม 2,145 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 11 แห่ง กำลังผลิตรวม 724 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ครบในปี 66

           สำหรับเวียดนาม นับว่ามีศักยภาพอย่างมากหลังจากที่เวียดนามประกาศเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 87,000 เมกะวัตต์ภายในปี 66 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 43,000 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้แบ่งเป็น พลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 40,000 เมกะวัตต์ ,พลังงานหมุนเวียน 27,000 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือเป็นเชื้อเพลิงอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตในมือสำหรับพลังงานลม 1 แห่ง กำลังผลิต 80 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 3 เฟส แล้วเสร็จเฟสแรกในปลายปี 63 ส่วนอีก 2 เฟสที่เหลือจะแล้วเสร็จในต้นปี 64 โดยกำลังผลิตที่ 80 เมกะวัตต์ เป็นส่วนหนึ่งของกำลังการผลิตที่ได้ลงนาม MOU กับรัฐบาลเวียดนามสำหรับโครงการพลังงานลมทั้งหมด 200 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนที่เหลือยังไม่ได้นับรวมเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือที่มีอยู่          นอกจากนี้ยังมีโอกาสโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ในเวียดนาม รวมทั้งเชื้อเพลิงประเภทถ่านหินที่อยู่ระหว่างการเจรจา         


              สำหรับในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 13 โครงการ กำลังผลิตรวม 234 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 5 โครงการ กำลังผลิตรวม 38 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งจะเดินเครื่องในปีนี้อีก 5 โครงการ รวม 62 เมกะวัตต์ และเดินเครื่องอีก 2 โครงการในปี 63 ส่วนอีก 1 โครงการที่เหลือจะเดินเครื่องผลิตในปี 66 และปัจจุบันบริษัทมองหาการลงทุนใหม่เพิ่มเติมด้วย

                  ด้านการลงทุนในจีน ปัจจุบันมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 แห่ง กำลังผลิต 152 เมกะวัตต์ ที่ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตแล้วทั้งหมด ขณะที่จีนชะลอการส่งเสริมลงทุนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หลังจากที่ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวมกันประมาณ 170,000 เมกะวัตต์ ทำให้โอกาสเกิดโครงการใหม่มียากขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่จะทำดีล M&A โครงการที่ผู้ประกอบการเดินเครื่องผลิตอยู่แล้ว ที่เริ่มมีการเสนอขายโครงการออกมา ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจาอยู่หลายโครงการ กำลังการผลิตราว 20-50 เมกะวัตต์/โครงการ

                       ส่วนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงทั่วไปในจีนนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินซานซีลู่กวง (SLG 1) กำลังการผลิตรวม 1,320 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 30% โดยโครงการนี้ยูนิตแรก ขนาด 660 เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จในปลายปี 62 และยูนิตที่ 2 ขนาด 660 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จต้นปี 63 ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม อีก 3 โครงการในจีน ปัจจุบันมีการขยายกำลังการผลิตเฟสที่ 3 ใน 1 โครงการ กำลังการผลิต 52 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จในปีนี้ ส่วนโอกาสขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกคงต้องรอดู 1-2 ปี ว่าตลาดยังมีความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ 

                          ส่วนในประเทศไทย ก็มีโอกาสสำหรับการหากำลังการผลิตใหม่ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 (PDP2018) ที่จะมีโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันใหม่รวมประมาณ 8,300 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมีศักยภาพสำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ส่วนขยาย ได้อีก 1,000 เมกะวัตต์ ที่ปัจจุบันได้รับการอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เรียบร้อย โดยรอรัฐบาลเปิดให้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการก็พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ซึ่งเบื้องต้นจะใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน แต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติได้หากรัฐบาลมีความต้องการ รวมถึงให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าหลักแข่งขันในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย-สำนักข่าวไทย

          

          

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]