กรมบัญชีกลาง 17 ม.ค.-กรมบัญชีกลางพร้อมโอนเงินตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ระยะที่ 2
และปรับการเติมเงินวงเงินเข้ากระเป๋าเงิน e-Money ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2
โดยขยายเวลาการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้กับผู้มีสิทธิที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
จะเติมเงินให้ 200 บาท ส่วนผู้มีสิทธิที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะเติมเงินให้ 100 บาท ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม –
มิถุนายน 2562 และปรับการเติมเงินรายเดือนวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้แก่ผู้มีบัตรทุกราย
เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2562 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ถือบัตร กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการจ่ายเงินตามมาตรการดังกล่าว
ได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 (มกราคม – มิถุนายน 2562) จ่ายเงินวันที่ 2 ของเดือน (เริ่มจ่ายเดือนแรก 2 กุมภาพันธ์ 2562)
โดยเป็นการจ่ายของเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ และ ปรับการเติมเงินรายเดือนวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
(e-Money) ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กุมภาพันธ์ – เมษายน 2562) วันที่ 1
ของเดือน (เริ่มจ่ายเดือนแรก 1 กุมภาพันธ์ 2562) ซึ่งการเติมเงินตามมาตรการข้างต้นเข้ากระเป๋าเงิน e-Money ผู้มีบัตรสามารถสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อจำเป็น สะสมไว้เป็นเงินออมในบัตร
หรือนำไปใช้ซื้อสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ
ร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ที่รับชำระเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และ
Mobile Application ถุงเงินประชารัฐ นอกจากนี้
ยังสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้ากับร้านค้าที่ร่วมมาตรการชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่ม
เพื่อรับเงินคืน 5% รวมทั้งเงินออม 1%
โดยสังเกตสัญลักษณ์สติ๊กเกอร์ “จ่ายด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money PromptCard)” ได้อีกด้วย
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน2562 วงเงินค่าซื้อสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีบัตรทุกราย
จะลดลงเหลือ 100 บาทต่อเดือน แต่เงินในกระเป๋าเงิน e-Money
จะเพิ่มขึ้น 100/200 บาทต่อเดือนแทน
เมื่อรวมทั้ง 2 ส่วนแล้ว
ผู้มีบัตรยังคงได้รับวงเงินรวมตามสิทธิเดิม–สำนักข่าวไทย