นนทบุรี 29 พ.ค.- กระทรวงพาณิชย์จับมือเอกชนจัดงานงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2018” 29 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ คาดเงินสะพัด 11,500 ล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานเปิดงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2018” ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ หอการค้าไทยและโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนีจัดขึ้น สำหรับงานปีนี้ ชูแนวคิดเปิดมุมมองใหม่ “Thailand Creative Food” แสดงศักยภาพประเทศไทยในฐานะครัวสร้างสรรค์ของโลก ตามนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล งานเริ่มตั้งแต่ วันนี้( 29 พ.ค.) ไปจนถึง 2 มิ.ย.นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดแสดง 11 ฮอลล์ พื้นที่กว่า 107,000 ตร.ม. ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมจัดงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 รวมกว่า 2,537 ราย จาก 41 ประเทศทั่วโลก คาดจบงานนี้เงินสะพัด 11,500 ล้านบาท วันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2561 โดยในวันที่ 2 มิถุนายน จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “เอเชีย” เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก เนื่องจากมีทรัพยากรที่สมบูรณ์และมีพื้นที่ทางการเกษตรถึง 3,400 ล้านไร่ คิดเป็น ร้อยละ 11 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมดของโลก อีกทั้งอาหารของชาวเอเชียยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นเชื่อมโยงไปถึงวัฒนธรรมอันงดงามที่เป็นเสน่ห์ตรึงใจผู้คนทั่วโลก ดั่งคำขวัญของงาน THAIFEX ที่ว่า “TASTE THE WORLD SAVOR ASIA” สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมอาหารถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่อันดับที่ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศจีนและอินเดีย โดยแต่ละปีไทยส่งออกสินค้าอาหารไปทั่วโลก มูลค่าสูงเกือบ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งร้อยละ 40 เป็นมูลค่าสินค้าทางการเกษตร และร้อยละ 60 เป็นมูลค่ากระบวนการผลิตทางเกษตรกรรม โดยมีสินค้าอาหารที่มีมูลค่าการส่งออกจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก ได้แก่ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายให้งาน THAIFEX เป็นศูนย์กลางของการจัดงานแสดงสินค้าอาหารเทคโนโลยีและบริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าอุตสาหกรรมอาหารของไทยมีความพร้อมเต็มที่ ที่จะสามารถก้าวเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยศักยภาพด้านสินค้าอาหารหลากหลายประเภทที่มีคุณภาพมีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับจากนานาชาติทั่วโลก รวมถึงผู้ประกอบการไทยมีความสามารถ และมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนานวัตกรรมอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนภาครัฐเองได้ให้การส่งเสริม สนับสนุน และเปิดโอกาสโดยการสร้างช่องทางในการเจรจาการค้าและธุรกิจเพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางการค้ากับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าปัจจัยหลักเหล่านี้จะสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารไทยได้เติบโตในภูมิภาคเอเชีย และในตลาดโลกได้อย่างมีศักยภาพตามนโยบายรัฐบาล ครัวไทยสู่โลก : Kitchen of the World” ได้อย่างแน่นอน
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ในปีนี้ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายเข้าสู่การเป็นประเทศแห่งนวัตกรรมสร้างสรรค์ด้านอาหาร หรือ “Creative Food” เพื่อแสดงศักยภาพประเทศในฐานะครัวสร้างสรรค์ของโลก ตามนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล โดยเฉพาะ SMEs จะได้เกิดการพัฒนาความคิด นำข้อได้เปรียบจุดแข็งของอุตสาหกรรมอาหารไทยด้านความหลากหลายของวัตถุดิบ และรสชาติอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ต่อยอดให้แบรนด์สินค้าอาหารไทยมีความเข้มแข็งในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ คาดว่าประมาณการผู้เข้าชมงานในวันธุรกิจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญมีแนวโน้มดีขึ้น จึงคาดว่าความต้องการสินค้าอาหารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย ตระหนักในความสำคัญของการผลักดันผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารไทยให้มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลก โดยงาน THAIFEX – World of Food Asia 2018 ในปีนี้จะเป็นโอกาสสำคัญให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหารได้พบปะและแลกเปลี่ยนนวัตกรรมองค์ความรู้หรือทำการค้าขายร่วมกันกับผู้ประกอบการต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 2,537 ราย จาก 41 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นผู้ประกอบการต่างประเทศประมาณ 1,266 ราย และผู้ประกอบการไทย 1,271 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ส่งออกที่เป็น SMEs 432 ราย และมีผู้ประกอบการรายใหม่อีก 266 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 47.7
นายมาเธียส คุปเปอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ จำกัด กล่าวว่า “THAIFEX – World of Food Asia 2018 ในปีนี้ นำผู้ประกอบการสินค้าอาหารหน้าใหม่จากต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน ฝรั่งเศส ศรีลังกา เวียดนาม เบลเยี่ยม และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านสินค้าอาหาร รวมถึงประเทศ อาร์เจนติน่าซึ่งเป็น Partner Country ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้เชิญกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายหลักที่ใหญ่ที่สุดกว่า 3,000 รายจากทั่วโลก ประกอบด้วย Annam Group (เวียดนาม), Capital Retail Limited (เมียนมาร์), Indoguna (กัมพูชา), Kaimay Trading (สิงคโปร์), Pandurasa Kharisma, PHDeli (อินโดนีเซีย) และ Premium Distribution (พม่า) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารได้มีโอกาสในการสร้างเครือข่ายและขยายธุรกิจใหม่ ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งไฮไลท์ของงานในปีนี้จะเน้นการจัดแสดงนวัตกรรมสร้างสรรค์สินค้าอาหาร ซึ่งจัดแสดงเป็นนิทรรศการพิเศษ “Creative Food Pavilion” โดยภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 โซน ได้แก่ 1. โซน “Alternative Sources” 2. โซน “The Natural Wonders” 3. โซน “Thai Wisdom” 4. โซน “The Exotic Experience” และ 5. Creative Food -สำนักข่าวไทย