กรุงเทพฯ 9 มี.ค.-บีทีเอสย้ำเดินรถไฟฟ้าตรงเวลาร้อยละ 99 เดินหน้าปรับปรุงบริการจุดขายตั๋วทัชสกรีน
เพิ่มสกายวอล์คสวนจตุจักร และเครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ ในสถานี
เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท
ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส กล่าวว่า
แม้ผู้โดยสารบางส่วนจะมีความเข้าใจว่ารถไฟฟ้าเสียบ่อย แต่เมื่อดูจากสถิติจะพบว่า
รถไฟฟ้าบีทีเอสเดินขบวนได้ตรงต่อเวลาถึงร้อยละ 98 – 99 มากกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ
97.5 ส่วนหลายเหตุการณ์ที่ต้องหยุดรถก็เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดปลอดภัยมากที่สุด ขณะที่สาเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
เกิดจากการที่รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนเครื่องจักรมากมายอาจจะชำรุดเสียหายบ้าง เช่น
ประตูเสีย หรือ รถไฟฟ้าไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวมันเอง
จึงต้องมีการใช้รถลากจูง ใช้เวลา 30 – 40 นาที
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในปีนี้จะมีการปรับจุดขายตั๋วให้เป็นทัชสกรีนทั้งหมด
เพื่อรองรับการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าวสำโรง และสายสีชมพู
ช่วงแคราย – มีนบุรี อีกทั้งจะเพิ่มตู้ขายตั๋วแบบรับธนบัตรอีก 50 ตู้
เพื่อลดสัดส่วนผู้ใช้เหรียญหยอดตู้ซื้อบัตรโดยสารจากกว่าร้อยละ 30 ให้เหลือร้อยละ
20 ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า เพราะสิงค์โปร์มีสัดส่วนการใช้เหรียญร้อยละ 1 เท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ประมาณ 800,000
เที่ยวคนต่อวันในวันทำการ ซึ่งถือว่าบีทีเอสช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนในกรุงเทพฯวันละ
200,000 คัน จากจำนวนรถยนต์ทั่วกรุงเทพฯประมาณ 10 ล้านคัน นอกจากนี้
บีทีเอสอยู่ระหว่างพัฒนาสกายวอล์คเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ สกายวอล์คสถานีหมอชิต
เชื่อมต่อจากสถานีหมอชิตไปยัง สวนจตุจักร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ล่าสุด
บีทีเอสได้ติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ บน 10 สถานี ที่มีผู้โดยสารหนาแน่น
รวมทั้งการสั่งซื้อขบวนรถไฟใหม่เข้ามาเพิ่มเติม 46
ขบวนเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
และช่วยบรรเทาความหนาแน่นของผู้โดยสารให้เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน
(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ด้วยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทาง 220
กิโลเมตร วงเงินลงทุน 200,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับ 3 บริษัท
ประกอบด้วย บีทีเอส ชิโนไทย และราชบุรีโฮลด์ดิ้ง
ซึ่งต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และต้องดูเอกสาร TOR ก่อนด้วย โดยในส่วนของพื้นที่ EEC ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)
เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานในการจัดรถทำรถไฟฟ้ารางเบา คาดจะแล้วเสร็จภายใน 2
เดือน. – สำนักข่าวไทย