กรุงเทพฯ 21 ก.พ.- พีทีทีจีซี เผยผลการดำเนินงานปี 2560 มีกำไรสุทธิ
39,298 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
พร้อมเดินหน้าโครงการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางเป้าหมายปี
2561 ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มที่ื
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล
จำกัด(มหาชน) หรือ พีทีทีจีซี แถลงผลประกอบการในปี 2560 ว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดยมีรายได้จากการขาย 436,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากปีก่อนหน้า มี Adjusted EBITDA เท่ากับ
60,622 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 39,298 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.79 บาท/หุ้น
โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 35 และร้อยละ 53 ตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/2560 มีกำไรจากการดำเนินการ เพิ่มขึ้นจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามระดับราคาน้ำมัน
โดยเฉพาะจากธุรกิจโอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ
มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 4/2560 รวม 9,559 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.02 บาท/หุ้น นอกจากนี้ในปี
2560 บริษัทฯ ยังรับรู้กำไรจากการดำเนินโครงการ MAX จำนวน 2,919 ล้านบาท
เป็นผลจากการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กรที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี
2559 รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าที่มากขึ้น
อยู่ที่ 3,360 ล้านบาท (เฉพาะส่วนของบริษัทฯ) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ
ได้เข้าซื้อหุ้นใน 6 บริษัทในสายธุรกิจปิโตรเคมี สายโพรพีลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพ
และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องจากบริษัท ปตทจำกัด (มหาชน)
สำหรับความก้าวหน้าโครงการลงทุนต่างๆ เช่น
โครงการลงทุนในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) พีทีทีจีซี
ลงทุนในโครงการ Olefins Reconfiguration Project (ORP) ที่ได้มีการลงนามในสัญญาออกแบบวิศวกรรม
การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้างกับบริษัท ซัมซุง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (
SECL) บริษัท ซัมซุง เอ็นจิเนียริ่ง ไทยแลนด์ จำกัด (SETT)
และบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) (TTCL) เพื่อก่อสร้างโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่โดยใช้แนฟทา
และก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก
โครงการ SOFTANOL ได้ลงนามเอ็มโอยู
เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Secondary
Alcohol Ethoxylates (SOFTNOL) ในไทยร่วมกับ NIPPON SHOKUBAI
CO.,LTD และ MITSUI & CO.,LTD คาดว่าจะตัดสินใจการลงทุนภายในมีนาคม
2562 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ภายในปี 2565
เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์หลากหลาย
เช่นผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าที่ใช้ในครัวเรือนและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรม
โครงการ PO/Polyol ซึ่งเป็นการลงทุนโพลียูรีเทนครบวงจร โครงการ PO
และโครงการ Polyols
& PU System เป็นโครงการในธุรกิจสายโพลี่ยูรีเทนในกลุ่มเคมีภัณฑ์สมรรถนะสูง
ซึ่งเป็นการต่อสายธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลียูรีเทนอย่างครบวงจร และโครงการ LLDPE2 (mLLDPE) มีกำลังการผลิต 400,000 ตันต่อปี
ผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาสที่ 1/2561 มูลค่าโครงการ 288 ล้านเหรียญสหรัฐ
โครงการ US Pretrochemical Complex โครงการนี้ PTTGC
America LLC (PTTGCA) ลงนามร่างข้อตกลงเบื้องต้น (HOA:Heads
of agreement)กับบริษัทในเครือของบริษัท Daelim Industrial
Co.,Ltd (DAELIM) ผู้นำด้านธุรกิจก่อสร้างและเคมีภัณฑ์จากประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรมและการจัดหาแหล่งเงินทุนของโครงการเพื่อผลิตและจำหน่ายเอทิลีน
และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
ส่วนความคืบหน้าของการลงทุนใน CLMV มีการจัดตั้ง Service
Company ให้บริการธุรกิจโพลิเมอร์ที่เมืองย่างกุ้งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
จัดตั้งบริษัท Polymer Marketing Vietnam เพื่อให้บริการด้านการจัดจำหน่าย
การขาย การขนส่งของธุรกิจโพลิเมอร์ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในช่วงเดือนเมษายนปีนี้
บริษัท เอสพี เพ็ทแพค อินเตอร์กรุ๊ป (เมียนมาร์)
เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้โดยผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทถัง
เช่น ถังน้ำมันเครื่องต่าง ๆ
พีทีทีจีซี ยังดำเนินการด้าน Circular Economy โดยมีโครงการ Upcycling
the Ocean, Thailand (UTO) เปิดตัวผ้าผืนแรกที่ได้จากโครงการที่เกาะเสม็ดจังหวัดระยอง
ออกแบบเป็นกางเกงสำหรับว่ายน้ำและนำมาแสดงที่พาวิลเลี่ยน Waste Side Story
by PTTGC ในงาน Bangkok
Design Week 2018 และ Green Business ซึ่งมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับเคลื่อนการลงทุน
Biocomplex เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ในพื้นที่นำร่องจังหวัดนครสวรรค์ระหว่าง บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล(GCG)
และบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอปอเรชั่น (KTIS)
เพื่อก่อสร้างนครสวรรค์ Biocomplex หรือ NBC
บนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ในอำเภอตาคลี
จังหวัดนครสวรรค์มูลค่าการลงทุน 30,000 ถึง 35,000 ล้านบาท และมีการปรับโครงสร้างด้านการขายและการตลาด
โดยเดินหน้า ร่วมกับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกด้วยการจัดตั้ง Customer
Solution Center (CSC) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยการส่งเสริมสนับสนุนและเป็นสื่อกลางในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมพลาสติกเติบโตสามารถแข่งขันได้ทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มสตาร์ทอัพ
โดยมีกำหนดการเปิดศูนย์ CSC ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปีนี้
นอกจากนี้ พีทีทีจีซี ยังได้วางเป้าหมายและทิศทางการดำเนินงานในปี
2561 คือก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มที่ื
พร้อมวางแนวทางทุกอย่างให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีนวัตกรรม
เพื่อนำมาเชื่อมโยงกับการทำงานในปัจจุบันรวมทั้งการปรับเปลี่ยนแนวคิดของทุกคนในองค์กรให้เป็นไปในแนวทางดิจิตอลทั่วทั้งองค์กรเพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงสุด-สำนักข่าวไทย