กรุงเทพฯ 13 ม.ค.–สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) เตรียมยื่นหนังสือ ถึงนายกรัฐมนตรี 18
ม.ค.นี้เรียกร้องดูแลระบบไฟฟ้าบนความมั่นคงด้านพลังงาน
ยืนยันพร้อมแข่งขันผลิตไฟฟ้าฟ้า พร้อมจี้
กกพ.ไม่เห็นด้วยต่ออายุเอสพีพีและวีเอสพีพี
นายศิริชัย
ไม้งาน ประธาน สร.กฟผ.กล่าวถึงกระแสลดบทบาทของ กฟผ.โดยเฉพาะข้อเสนอไม่ให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่
ว่า ทาง กฟผ.จะทำหนังสือยื่นต่อนายกรัฐมนตรีวันที่ 18 ม.ค.นี้
ขอให้พิจารณาถึงความมั่นคงด้านพลังงานเป็นสำคัญ เพราะหากให้เอกชนผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
แล้วหากเกิดวิฤกติด้านไฟฟ้าขาดแคลน หรือ ค่าไฟฟ้าแพง รัฐบาลจะสั่งการให้เดินเครื่องได้หรือไม่
โดยมีตัวอย่างที่เห็นอยู่ในต่างประเทศ ซึ่ง
เอกชนจะเดินเครื่องตามสัญญาเท่านั้นและคำนึงกำไรเป็นหลัก ดังนั้นการบีบไฟฟ้าไม่ให้มีกำลังผลิตเลยเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่
ส่วนกรณีที่ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานระบุว่าในแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว
หรือพีดีพีฉบับใหม่จะไม่มีโควต้าการผลิตโดย กฟผ.นั้น ทาง กฟผ.ก็พร้อมจะแข่งขันกับเอกชนแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม
เพราะที่ผ่านมา การประมูลโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่หรือไอพีพี จะเห็นได้มีเงื่อนไขบางครั้งที่กำหนดไว้ว่า
หน่วยงานที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้นด้วย ไม่สามารถประมูลร่วมได้ จึงเห็นได้ว่า สัดส่วนการผลิตของ
กฟผ.จะลดน้อยลงตลอด โดยปัจจุบันกำลังผลิตตามสัญญา เหลือประมาณ1.6 หมื่นเมกะวัตต์
จากกำลังผลิตตามสัญญาของประเทศที่ 4.5 หมื่นเมกะวัตต์ ส่วนพนักงานที่มีประมาณ 2.2 หมื่นคนนั้น
จะมีผู้เกษียณต่อปีราวม 1,300 คน กฟผ.เปิดรับพนักงานเข้ามาทดแทนเพียงครึ่งเดียว
ดังนั้นพนักงานจะเหลือรวม 15,000 คนในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมามีพนักงานจำนวนมากเพราะมีภาระกิจการสร้างโรงไฟฟ้า
สายส่งที่หลากหลายเพื่อความมั่นคง ตามบทบาท เมื่อภาระกิจลดลงจำนวนคนก็ลดลงได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ กฟผ.ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเลย
“
นายกรัฐมนตรีควรดูถึงการดูแลไฟฟ้าเรื่องความมั่น สั่งเอกชนเดินเครื่องได้หรือไม่ ซึ่ง
กฟผ.เห็นด้วยกับการปฏิรูประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยหากนำกิจการไฟฟ้าของประเทศไปสู่กลุ่มทุนที่ไม่ได้ดูความมั่นคงไฟฟ้า
ดังนั้น การบีบ กฟผ.เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่
และขอให้นายกรัฐมนตรีดูถึงการทำงานของ รมว.พลังงานที่
นโยบายที่สั่งมาทำให้รวนไปทั้งระบบทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและการผลิตไฟฟ้าในอนาคต”นายศิริชัย
กล่าว
นอกจากนี้ กฟผ.ในวันที่ 18 ม.ค. สร.กฟผ.จะเดินทางไปพบ
คณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.)
ขอให้ทบทวนนโยบายการต่อสัญญาของผู้ผลิตไฟฟ้าเอสพีพี และวีเอสพีพี
ที่กำลังพิจารณาว่าจะต่อให้ โดยแม้จะลดกำลังผลิตเหลือร้อยละ 30
แต่ก็อยากให้ดูถึงว่าเป็นธรรมหรือไม่ เพราะไอพีพีไม่มีการต่อสัญญา
ทำไมต่อต้องให้เอสพีพีและวีเอสพีพีด้วย ทำไมไม่เปิดประมูลใหม่ทั้งหมด จะได้แข่งขัน
ราคาจะได้เป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง-สำนักข่าวไทย
