การบินไทย 15 ธ.ค.-รองนายกรัฐมนตรี”สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์” คาดการบินไทยทำสัญญาร่วมทุนแอร์บัสสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในไทยได้ภายในไตรมาสแรกปี
2561 มั่นใจ 3 ปีขึ้นแท่นฮับการบินของภูมิภาคได้ ใช้เงินลงทุน 11,000 ล้านบาท
พร้อมเปิดบริการในปี 2565 คืนทุนได้ใน 11
ปี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการลงนามความร่วมมือเพื่อประเมินโอกาสทางธุรกิจของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา
เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานระดับโลก ระหว่างบริษัทการบินไทย จำกัด
(มหาชน) และบริษัทแอร์บัส ว่า ทั้ง 2 ฝ่าย
จะร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจาศึกษา วิเคราะห์ ประเมิน
และตัดสินใจในการทำธุรกิจร่วมกัน
และกำหนดขอบเขตเพื่อประเมินโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน
โดยเฉพาะการจัดตั้งธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน
การจัดตั้งโรงซ่อมชิ้นส่วนวัสดุอากาศนานผสม เป็นต้น ซึ่งคาดหวังว่าการร่วมกันในครั้งนี้
จะนำไปสู่การทำสัญญาร่วมทุนระหว่างกันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561
ทั้งนี้ ได้ประเมินว่าศักยภาพของไทยมีความพร้อม
ทั้งเรื่องของทำเลภูมิศาสตร์ แรงงานที่มีฝีมือ
และศักยภาพทางด้านการตลาดที่จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย และคาดการณ์ฝูงบินที่ให้บริการทั่วทั้งเอเชียและแปซิฟิกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น
2 เท่า ภายใน 20 ปีข้างหน้า จากทั้งสิ้น 6,100 ลำ เป็น 17,000 ลำ
ซึ่งประมาณการณ์มูลค่าของการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคนี้จะสูงถึง 664,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก
10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังประเมินว่า
หากการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี
การท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง และแผนการบินเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
จะส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคได้แน่นอน
สำหรับงบในการลงทุนก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา
คาดว่าจะใช้งบทั้งสิ้น 11,000 ล้านบาท โดยในส่วนแรก 7,000 ล้านบาท
จะให้กองการบินทหารเรือดำเนินการก่อสร้างอาคาร และอีก 4,000 ล้านบาท
การบินไทยและแอร์บัสจะร่วมกันลงทุนในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยเบื้องต้นได้ประเมินว่าจะมีเครื่องบินเข้ามาใช้บริการ 2,000 – 3,000 ลำ
และคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 11 ปี
และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ก่อนปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าที่ประมาณการไว้–สำนักข่าวไทย