กรุงเทพฯ 18 ส.ค.-กระทรวงพาณิชย์ชู 4 แนวทางเร่งด่วน-รวมกลุ่มผู้ประกอบการ, สร้างอัตลักษณ์ย่าน, ลดต้นทุนด้วยสินค้าไทย และจัดอีเวนท์ต่อเนื่อง เพื่อผลักดันถนนบรรทัดทองสู่แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลก
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้แทนสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมถนนบรรทัดทอง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ตามนโยบาย “พาณิชย์พึ่งได้”
ถนนบรรทัดทองเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีร้านอาหารทั้งเก่าแก่และรุ่นใหม่กว่า 300 ร้าน หรือราว 385 ร้าน และเคยได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Time Out ให้เป็น “ถนนที่เท่ที่สุดในโลก อันดับที่ 14” เมื่อปี 2014 แม้จะสร้างรายได้หมุนเวียนหลายพันล้านบาทต่อปี แต่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญความท้าทาย ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ค่าเช่าพื้นที่สูง และกำลังซื้อที่ชะลอตัว
นายจตุพร กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ตระหนักถึงศักยภาพของบรรทัดทองที่จะพัฒนาเป็นแลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลก แต่ต้องแก้ปัญหาอย่างตรงจุด พร้อมประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คมนาคม กรุงเทพมหานคร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รมว.พาณิชย์ได้เสนอแนวทางเร่งด่วน 4 ด้าน ได้แก่
1.การรวมกลุ่มผู้ประกอบการ ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อเป็นกลไกสื่อสารและตัดสินใจ
2.การสร้างอัตลักษณ์ย่าน (Unique Identity) เช่น การจัดโซนพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
3.การลดต้นทุนผู้ประกอบการ ผ่านนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” เชื่อมโยงสินค้าคุณภาพดีราคาเป็นธรรมในลักษณะ From Farm to Table
4.การจัดอีเวนท์ต่อเนื่อง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อสร้างบรรยากาศคึกคักและเชื่อมโยงกับย่านท่องเที่ยวอื่นของกรุงเทพฯ
“อยากให้บรรทัดทองเป็นย่านที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จัก ว่าเป็นสตรีทฟู้ดที่ปลอดภัย มีเอกลักษณ์ และมีบรรยากาศที่เดินสนุก กินเพลิน เดินชิลล์ เติมศิลป์ ไม่ต่างจากจตุจักรหรือทรงวาด” นายจตุพรกล่าว
ด้านผู้แทนผู้ประกอบการถนนบรรทัดทองสะท้อนว่า ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากเดิมที่เคยมีวันละ 30,000–40,000 คน ส่งผลให้บางรายเริ่มประสบปัญหา จึงเสนอให้ภาครัฐและจุฬาฯ เร่งกำหนดแผนพัฒนา และผลักดันให้ถนนบรรทัดทองเป็น “เขตเศรษฐกิจสร้างสรรค์” เพื่อรักษาศักยภาพและเสน่ห์ของย่านนี้
ขณะที่ ผศ.ดร.จรัสพัฒน์ พฤกษารัตนวุฒิ ผู้ช่วยอธิการบดีด้านการจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการพัฒนาย่านสามย่าน–บรรทัดทองอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจ แต่รวมถึงคุณภาพชีวิตของชุมชน สิ่งแวดล้อม และพื้นที่สีเขียว โดยมีการพัฒนาในแนวทาง SMART CITY ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน และปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนบรรทัดทองอย่างต่อเนื่องให้รองรับการเติบโตของเมือง
นอกจากนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังสร้างความร่วมมือกับผู้เช่าในลักษณะ Partnership มากกว่าความสัมพันธ์แบบเจ้าของที่–ผู้เช่า พร้อมทั้งจัดทำ โครงการโต๊ะกลม เพื่อให้คำปรึกษาและติดอาวุธความรู้ด้าน AI การเงิน การตลาด และภาษีแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงโครงการ Business Matching เชื่อมโยงผู้ผลิตกับผู้ประกอบการ ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ
อีกทั้งยังผลักดันโครงการ “PMCU Restaurant Stronger Together” เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องในระยะยาว โดยตั้งเป้าเป็นต้นแบบด้าน SDGs เพื่อการพัฒนาย่านการค้าอย่างยั่งยืน และต่อยอดสู่การเป็น Thailand’s Street Food Landmark
ทุกภาคส่วนเห็นพ้องว่า ชุมชนบรรทัดทองจำเป็นต้องผนึกกำลังและกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาเดินหน้าไปสู่การเป็นแลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลกได้อย่างแท้จริง.-512-สำนักข่าวไทย