กรุงเทพฯ 11 ส.ค.- รมว.พาณิชย์ ยันดูแลผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เต็มที่ เล็งปล่อยสินเชื่อซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำช่วยเอสเอ็มอี-รายย่อย ชี้ดีลนำเข้าหมูจากสหรัฐ ปริมาณไม่มาก ยันคำนึงถึงเกษตรกร ไทยมีจุดยืน
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงมาตรการดูแลผู้ประกอบการจาก สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มีการติดตามสถานการณ์ทุกวัน ขณะนี้พบว่าโมเดิร์นเทรดในกัมพูชายังคงมีสินค้าจากไทยวางจำหน่ายขณะที่ผู้ประกอบการปรับตัวในการขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภคโดยมีการขนส่งไปทางสปปอปอลาว ยอมรับว่าการปิดด่านชายแดนส่งผลกระทบถึงผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามสำหรับสินค้าเกษตรได้มีการบริหารจัดการกระจายสินค้าได้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นห่วง แต่ยอมรับว่า SMS รายย่อยได้รับผลกระทบซึ่งหลังจากนี้จะมีการดูแลเรื่องการชดเชยจากรัฐบาล โดยมองว่าเบื้องต้นน่าจะมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ช่วยเหลือ ยืนยันดูแลเต็มที่
ส่วนความคืบหน้าการตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน เพื่อรับมือหลังสหรัฐอเมริกาประกาศเก็บภาษีน้ำเข้าสินค้าจากไทยที่ 19% ว่า ขณะนี้รายละเอียดเรื่องการเจรจาภาษียังไม่จบจึงต้องรอความชัดเจน คาดว่าน่าจะใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม การเปิดศูนย์ฯ ยังคงเดินหน้า ซึ่งไม่ได้ดูแลเฉพาะมาตรการรับมือจากภาษีสหรัฐเท่านั้นยังดูแลเรื่องอื่นๆด้วย ซึ่งขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว โดยจะมีการนัดหมายพูดคุยกันอีกครั้ง
สำหรับประเด็นการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐ ประเทศไทยมีเกณฑ์ อยู่แล้ว อาทิ เรื่องสารเร่งเนื้อแดงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งตัวเลขที่มีการตกลงกับสหรัฐ เป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่เข้าใจถึงความกังวลของผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในการเจรจา Tariff เรามีจุดยืนและคำนึงถึงผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ นอกจากเดินหน้าลดต้นทุนการผลิตภาคเกษตรผ่านโครงการ ‘ธงเขียว’ มองว่าทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน และต้องหาตลาดใหม่ ขณะนี้ได้ให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศดูรายละเอียดการขยายตลาดกับจีนเพื่อเพิ่มปริมาณการจำหน่าย รวมไปถึงยังมีการเจรจากับบังกลาเทศ และซาอุดีอาระเบีย อย่างไรก็ตาม ยังมีมาตรการอื่นๆ ในการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ รวมถึงมาตรการจ่ายชดเชยเข้านาปรังไร่ละ 1000 บาท พร้อมย้ำว่ามาตรการทั้งหมดที่จะมีความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) วันที่ 13 ส.ค.นี้.-516-สำนักข่าวไทย