สอศ.-BOI ผนึกกำลังเอกชน ยกระดับยกระดับอาชีวะไทย

ทำเนียบฯ 6 ส.ค. – สอศ. – BOI ผนึกกำลังเอกชน ยกระดับอาชีวะไทย Upskills พัฒนากำลังคน สร้างแรงงานทักษะสูงรองรับการลงทุน “VOC-UP” 3 พันอัตราใน 5 ปี ดันเงินลงทุน 5 หมื่นล้านบาท


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษาเชิงรุกผลิตกำลังคนทักษะสูงตรงตามความต้องการของตลาดอุตสาหกรรม และภาคการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ จับมือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และภาคเอกชน 6 ราย ผ่านโครงการความร่วมมือพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเพื่อสร้างแรงงานทักษะสูงรองรับการลงทุนอย่างเป็นทางการ 

นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าว ในนามของกระทรวงศึกษา รู้สึกยินดียิ่งที่ร่วมเปิดโครงการความร่วมมือพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเพื่อสร้างแรงงานทักษะสูงรองรับการลงทุน Vocational Education Upskill (VOC-UP: ยกระดับอาชีวะไทย อัปสกิลกำลังคนไทยสู่อนาคต) ซึ่งมีเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และภาคเอกชน 6 ราย นับก้าวสำคัญของการศึกษา และการยกระดับการจัดอาชีวศึกษาให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอุตสาหกรรม ตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการเรียนสายอาชีพเพื่อการมีงานทำ โดยเน้นการเรียนรู้ด้วยการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี การฝึกอบรม Upskill – Reskill – New Skill ให้กับครู และนักเรียน นักศึกษา รวมถึงการออกแบบหลักสูตรร่วมกับสถานประกอบการ เพื่อให้ผู้เรียนมีสมรรถนะตรงตามความต้องการของเศรษฐกิจใหม่โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ร่วมพัฒนา เช่น อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง (Advanced Electronics), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), โลจิสติกส์ และสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งมีความต้องการกำลังคนในระดับช่างเทคนิคและวิศวกรจำนวนมาก


รมช.ศธ. กล่าวต่อไปว่า โครงการ VOC-UP จึงนับเป็นต้นแบบความร่วมมือที่สร้างกำลังคนคุณภาพเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน การพัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจใหม่ของประเทศผ่าน การเชื่อมโยงการเรียนรู้กับการทำงานจริงอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แนวคิด‘สร้างคน สร้างงาน’ จึงทำให้โครงการ VOC-UP มีการจ้างงานทันที 1,875 อัตรา และไม่น้อยกว่า 3,000 อัตรา ตลอดระยะเวลา 5 ปีของโครงการ

นายวิทวัต ปัญจมะวัต รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมงานเปิดโครงการความร่วมมือพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเพื่อสร้างแรงงานทักษะสูงรองรับการลงทุน “VOC-UP” โดยนายวิทวัต ปัญจมะวัต กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นหน่วยงานในการผลิตและพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาประเทศ ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว การจัดอาชีวศึกษายุคใหม่จึงต้องเน้นการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับภาคเอกชน และบูรณาการการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและการฝึกประสบการณ์จริงในสถานประกอบการ ด้วยการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งเป็นรูปแบบการศึกษาที่ช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมเข้าสู่สถานประกอบการอย่างแท้จริง ความร่วมมือระหว่าง สอศ. BOI และสถานประกอบการ 6 แห่ง ภายใต้แนวคิด VOC-UP ครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงระบบ ครอบคลุมการออกแบบหลักสูตร วางแผนการฝึกอบรม ไปจนถึงสร้างโอกาสทำงานทันทีหลังจบการศึกษา ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการกำลังคนที่ตรงสายงานของสถานประกอบการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน โดย สอศ. มีสถานศึกษาในสังกัดทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างกำลังคนอาชีวศึกษาคุณภาพสูงในระยะยาวและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างมั่นคง


 
บีโอไอชี้โครงการ VOC-UP คือจุดเชื่อมสำคัญระหว่างภาคการศึกษา – กำลังคน – อุตสาหกรรม


นายนฤตม์  เทอดสถีรศักดิ์  เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่นักลงทุนต่างชาติ สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย คือ “ประเทศไทยมีบุคลากรเพียงพอและตรงความต้องการหรือไม่” คำถามนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการวางแผนกำลังคนเชิงรุกเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง  เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม  บีโอไอจึงได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และภาคเอกชน เดินหน้าโครงการ VOC-UP (Vocational Manpower UpskillingProgram) ซึ่งเป็น “กลไกเชื่อมโยงที่สำคัญ” ระหว่างผู้เรียนอาชีวะ (กำลังคนในอนาคต) สถานศึกษา (ผู้ผลิตกำลังคน) และภาคอุตสาหกรรม (ผู้ใช้กำลังคน)

“บีโอไอ ไม่ได้ทำหน้าที่ให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยประสานงานให้เกิดการพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร  บีโอไอเป็นตัวกลางเชื่อมโยงความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเข้ากับการพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา เพื่อให้การผลิตกำลังคนเป็นไปอย่างตรงจุด ตรงกลุ่มมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ที่ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิต 1 ใน 5 ของโลก และการลงทุนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยต้องการกำลังคนเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเทคนิคระดับสูงในระดับอาชีวศึกษากว่า 50,000 คน ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม เพิ่มทักษะให้กับบุคลากรไทย และช่วยสร้างงานคุณค่าสูงในประเทศไทยด้วย” นายนฤตม์ กล่าว

ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการจากภาคเอกชนและสถานศึกษาอาชีวศึกษา 8 แห่ง เพื่อแสดงศักยภาพและนวัตกรรมในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคถลาง (สาขาอากาศยานและอากาศยานไร้คนขับ), วิทยาลัยการพาณิชย์นาวีนครศรีธรรมราช (สาขาพาณิชย์นาวี), วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ (สาขาปิโตรเคมี), วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี (สาขาระบบขนส่งทางราง), วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ (สาขายานยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ), วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น(สาขาการโรงแรมและธุรกิจการบิน), วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร และวิทยาลัยพณิชยการธนบุรี .-515- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]