กรุงเทพฯ 29 ก.ค.- ประธานสมาคมธนาคารไทย ยอมรับเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการภาษีทรัมป์ กดดันเศรษฐกิจ เผยหารือ กกร.-ธปท.-สภาพัฒน์ฯ-สศค. หามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ คาดแล้วเสร็จ 1 เดือน
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ประเมินผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจหลังจากสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการภาษีกดดันบรรลุเจรจาหยุดยิงไทย-กัมพูชา ว่า เป็นการคาดเดายาก แต่เป็นผลดีกับทีมไทยแลนด์ให้เจรจาภาษีได้ต่ำกว่า 36% ซึ่งการเจรจาดังกล่าวมหาอำนาจทั้งสหรัฐและจีนต้องการที่จะเข้ามาแทรกแซงและมีบทบาทในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ มองว่าน่าจะเข้าใจบริบทของโลกคุยในเชิงบูรณาการ ยังหวังจะเป็นบวก ซึ่งต้องดูว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์เพียงใด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามาตรการภาษีทรัมป์ มีแรงกดดันมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะผลกระทบโดยตรง และกระทบ ซัพพลายเชน การปรับตัว การทุ่มตลาด การนำเข้า รวมถึงการจ้างงาน ซึ่งขณะนี้สมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และมีการประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์, และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อออกมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ให้ฟื้นตัวครบตลอดซัพพลายเชน โดยมีการหารือกันทุกสัปดาห์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
“ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็น perfect storm หรือ มรสุมปัญหา จึงต้องมีการประคับประคอง รวมไปถึงการฟื้นตัว ที่ไม่ใช่รูปแบบเดิม แต่เป็นรูปแบบใหม่ทั้งสิ้น บนกรอบทรัพยากรของประเทศที่มีจำกัด ท่ามกลางแรงกดดัน ทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และโครงสร้างเศรษฐกิจนอกระบบ ซึ่งการฟื้นตัวจะไม่ใช่ในรูปแแบเดิม ดังนั้น ต้องเร่งพิจารณาในภาวะแวดล้อมที่ต้องแข่งขันกับโลก เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ทำอย่างไรที่จะแข่งขันได้ ที่ทำให้ของเก่ายังคงอยู่ได้ ในรูปแบบใหม่ ในตลาดใหม่ ในโครงสร้างกฏกติกาการค้าโลกแบบใหม่“ นายผยง กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย