กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – “กรณ์” ระบุไทยถูกสหรัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 36 เป็นผลเจรจาเลวร้ายที่สุด แนะรัฐบาลทบทวนงบปี 69 ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ มีผลต่อความเชื่อมั่น
นายกรกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลังจากไทยถูกสหรัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 36 นับเป็นผลเจรจาเลวร้ายที่สุด เพราะนอกจากไม่ได้ลดหย่อนอะไรจากสหรัฐฯ ตามที่ประกาศไว้เมื่อ 90 วันก่อน แต่เป็นอัตราสูงกว่าเวียดนาม หวังได้เจรจา เขาได้รับการลดลงกว่าครึ่ง กรณีสหรัฐฯ แจ้งว่า “หากในอนาคตเราลดภาษีที่คิดเขาลง เขาก็จะปรับภาษีที่คิดกับเราลงตาม”
ยอมรับว่าการเจรจากับ “ทรัมป์” เป็นเรื่องยากมาก อเมริกาถือไพ่เหนือกว่าไทยเป็นทุนเดิม และในขณะที่รัฐบาลไทยหาประโยชน์ร่วมกับแบบ win-win ขณะที่สหรัฐมองว่า ไทยเอาเปรียบเขามานานแล้ว ถึงเวลาเขา win คนเดียวบ้างเพื่อเป็นการชดเชย จึงมองว่าทีมไทยแลนด์อ่านเกมนี้ไม่ขาด สำหรับเวียดนาม กล้าลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% เป็นเพราะเขาแข่งขันได้ (และพร้อมแข่งขัน) มากกว่าไทยเราในทุกภาคอุตสาหกรรม
จึงมีคำถามคือ ในการเจรจาที่ผ่านมาเรายังพยายามปกป้องใครอยู่บ้าง? คุ้มหรือไม่กับความเดือดร้อนของผู้ส่งออก และการสูญเสียรายได้ของประเทศ? ที่สำคัญคือรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์นี้อย่างไร? อันดับแรก รัฐบาลควรทบทวนการพิจารณางบประมาณปี 69 ทั้งหมด ทั้งแหล่งรายได้ และทั้งการใช้จ่าย หากรัฐบาลยังทำทุกอย่างเหมือนเดิมคนไทยจะเดือดร้อนหนักมาก อันดับที่สอง ควรระวังผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ หากเราเริ่มขาดดุลต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศลดลง ประเด็นเรื่องเสถียรภาพจะเริ่มมีความสำคัญ ในจังหวะนี้ไทยเราจะมีการเลือกผู้ว่าการแบงค์ชาติท่านใหม่พอดี วิสัยทัศน์และทัศนคติของผู้ว่าท่านใหม่จะมีผลต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก. -515- สำนักข่าวไทย