แถลงความสำเร็จการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง-ท่าเรือจิตตะกอง บังกลาเทศ

กรุงเทพ 2 ก.ค. – “มนพร” แถลงความสำเร็จการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง – ท่าเรือจิตตะกอง เดินหน้ายกระดับท่าเรือไทยสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ทางทะเลในภูมิภาคอาเซียน เสริมสร้างบทบาทไทยใน BIMSTEC


นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการแถลงข่าวความสำเร็จในการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง-ท่าเรือจิตตะกอง ว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการยกระดับท่าเรือของประเทศไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากลทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการและการเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์รูปแบบอื่น โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือในระดับภูมิภาค ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวงฯ ที่มุ่งเน้นให้ท่าเรือทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาคใกล้เคียง พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์ในระดับสากลได้อย่างไร้รอยต่อ

นางมนพร กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพของท่าเรือระนอง ทั้งการมีที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ทำให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าไปยังมหาสมุทรอินเดียและอ่าวเบงกอลได้ โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา อีกทั้งยังเป็นท่าเรือหลักที่สามารถรองรับการขนส่งด้วยระบบตู้สินค้าตามมาตรฐานสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงฯ จึงได้ผลักดันการพัฒนาเส้นทางขนส่งทางทะเล ผ่านความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือในกลุ่มประเทศ BIMSTEC ด้วยการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือจิตตะกอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเส้นทางเดินเรือใหม่ที่สามารถลดระยะเวลาการขนส่งจากเดิม 7 – 15 วัน ให้เหลือเพียง 3 – 5 วัน รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนาเทคโนโลยี และการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชียใต้ และกลุ่มประเทศ BIMSTEC ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน


นางมนพร กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าผลักดันความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านกฎระเบียบและระบบการบริหารจัดการ และด้านการมีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชนในด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยในส่วนของด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้มอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งจัดทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือระนอง อาทิ การวางแผนจัดหาเครนหน้าท่าและเครื่องมือทุ่นแรงเพิ่มเติม การปรับปรุงระบบคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์แบบบูรณาการทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ เพื่อให้ท่าเรือระนองมีความพร้อมในการรองรับปริมาณสินค้าที่จะเติบโตในอนาคต และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับภูมิภาคโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในไทยและบังกลาเทศ เพื่อลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ รวมทั้งพัฒนาระบบการบริหารจัดการและปรับปรุงขั้นตอนการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น พิธีการศุลกากร การแลกเปลี่ยนข้อมูลล่วงหน้า และการลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เพื่อให้การขนส่งทางทะเลเป็นไปอย่างราบรื่นและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ พร้อมส่งเสริมการจัดกิจกรรม Road Show และ Business Matching ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการสินค้าที่มีศักยภาพ และสามารถรวบรวมสินค้าทั้งขาเข้า-ขาออกให้เพียงพอต่อการเปิดเส้นทางเดินเรือในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

“ความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ทางทะเลของประเทศไทยในระดับภูมิภาค เสริมสร้างบทบาทของไทยในเวที BIMSTEC และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงเศรษฐกิจเอเชียใต้ และมหาสมุทรอินเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต” นางมนพร กล่าวทิ้งท้าย

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข กล่าวเพิ่มเติมว่า กทท. ได้ลงนาม MOU ร่วมกับการท่าเรือจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 โดยมีสาระสำคัญของความร่วมมือ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาท่าเรือของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่ง กทท. จะดำเนินงานต่อยอดความร่วมมือกับท่าเรือจิตตะกอง อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการบูรณาการกับหน่วยงานภายนอก อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตทั้งสองประเทศในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกอง เพื่อให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเส้นทางใหม่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเปิดตลาดใหม่ให้กับผู้ผลิตไทยและบังกลาเทศ ผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ อาทิ การจัด Road Show และ Business Matching รวมถึงร่วมผลักดันความร่วมมือเชิงนโยบาย เช่น การจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับบังกลาเทศ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคทางภาษีและเพิ่มศักยภาพการค้าในระยะยาว โดยเฉพาะสินค้าศักยภาพ เช่น แร่ดินขาว อาหารทะเล และสินค้าเกษตร เพื่อให้เกิดปริมาณสินค้าที่เพียงพอสำหรับการเปิดบริการเดินเรือระหว่างสองท่าเรืออย่างยั่งยืน พร้อมทั้งการวางแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือระนองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความพร้อมรองรับปริมาณสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต


ด้านนางนลินี ทวีสิน กล่าวว่า บังกลาเทศ ถือเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก BIMSTEC ที่มีศักยภาพสูง ด้วยจำนวนประชากรกว่า 170 ล้านคน และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 5 – 7% ต่อปี โดยท่าเรือจิตตะกอง เป็นท่าเรือหลักของประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญในการรองรับสินค้าคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 ของการค้าทางทะเลทั้งหมด อีกทั้งยังมีสถิติการเติบโตของตู้คอนเทนเนอร์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 14 ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพทางการค้าของประเทศที่เติบโตเร็วยิ่งกว่า GDP โดยรวม

ทั้งนี้ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานแถลงข่าวความสำเร็จในการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง – จิตตะกอง ร่วมกับนางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. H.E. Mr. Faiyaz Murshid Kazi เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทย และนางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ กงสุลกิตติมศักดิ์บังกลาเทศประจำประเทศไทย ในวันพุธที่ 2 กรกฎาคม 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล.-513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย