แถลงความสำเร็จการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง-ท่าเรือจิตตะกอง บังกลาเทศ

กรุงเทพ 2 ก.ค. – “มนพร” แถลงความสำเร็จการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง – ท่าเรือจิตตะกอง เดินหน้ายกระดับท่าเรือไทยสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ทางทะเลในภูมิภาคอาเซียน เสริมสร้างบทบาทไทยใน BIMSTEC


นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการแถลงข่าวความสำเร็จในการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง-ท่าเรือจิตตะกอง ว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการยกระดับท่าเรือของประเทศไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากลทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการและการเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์รูปแบบอื่น โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือในระดับภูมิภาค ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวงฯ ที่มุ่งเน้นให้ท่าเรือทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาคใกล้เคียง พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์ในระดับสากลได้อย่างไร้รอยต่อ

นางมนพร กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพของท่าเรือระนอง ทั้งการมีที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ทำให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าไปยังมหาสมุทรอินเดียและอ่าวเบงกอลได้ โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา อีกทั้งยังเป็นท่าเรือหลักที่สามารถรองรับการขนส่งด้วยระบบตู้สินค้าตามมาตรฐานสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงฯ จึงได้ผลักดันการพัฒนาเส้นทางขนส่งทางทะเล ผ่านความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือในกลุ่มประเทศ BIMSTEC ด้วยการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือจิตตะกอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเส้นทางเดินเรือใหม่ที่สามารถลดระยะเวลาการขนส่งจากเดิม 7 – 15 วัน ให้เหลือเพียง 3 – 5 วัน รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนาเทคโนโลยี และการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชียใต้ และกลุ่มประเทศ BIMSTEC ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน


นางมนพร กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าผลักดันความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านกฎระเบียบและระบบการบริหารจัดการ และด้านการมีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชนในด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยในส่วนของด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้มอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งจัดทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือระนอง อาทิ การวางแผนจัดหาเครนหน้าท่าและเครื่องมือทุ่นแรงเพิ่มเติม การปรับปรุงระบบคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์แบบบูรณาการทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ เพื่อให้ท่าเรือระนองมีความพร้อมในการรองรับปริมาณสินค้าที่จะเติบโตในอนาคต และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับภูมิภาคโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในไทยและบังกลาเทศ เพื่อลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ รวมทั้งพัฒนาระบบการบริหารจัดการและปรับปรุงขั้นตอนการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น พิธีการศุลกากร การแลกเปลี่ยนข้อมูลล่วงหน้า และการลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เพื่อให้การขนส่งทางทะเลเป็นไปอย่างราบรื่นและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ พร้อมส่งเสริมการจัดกิจกรรม Road Show และ Business Matching ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการสินค้าที่มีศักยภาพ และสามารถรวบรวมสินค้าทั้งขาเข้า-ขาออกให้เพียงพอต่อการเปิดเส้นทางเดินเรือในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

“ความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกองในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ทางทะเลของประเทศไทยในระดับภูมิภาค เสริมสร้างบทบาทของไทยในเวที BIMSTEC และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงเศรษฐกิจเอเชียใต้ และมหาสมุทรอินเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต” นางมนพร กล่าวทิ้งท้าย

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข กล่าวเพิ่มเติมว่า กทท. ได้ลงนาม MOU ร่วมกับการท่าเรือจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 โดยมีสาระสำคัญของความร่วมมือ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาท่าเรือของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่ง กทท. จะดำเนินงานต่อยอดความร่วมมือกับท่าเรือจิตตะกอง อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการบูรณาการกับหน่วยงานภายนอก อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตทั้งสองประเทศในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกอง เพื่อให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเส้นทางใหม่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเปิดตลาดใหม่ให้กับผู้ผลิตไทยและบังกลาเทศ ผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ อาทิ การจัด Road Show และ Business Matching รวมถึงร่วมผลักดันความร่วมมือเชิงนโยบาย เช่น การจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับบังกลาเทศ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคทางภาษีและเพิ่มศักยภาพการค้าในระยะยาว โดยเฉพาะสินค้าศักยภาพ เช่น แร่ดินขาว อาหารทะเล และสินค้าเกษตร เพื่อให้เกิดปริมาณสินค้าที่เพียงพอสำหรับการเปิดบริการเดินเรือระหว่างสองท่าเรืออย่างยั่งยืน พร้อมทั้งการวางแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือระนองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความพร้อมรองรับปริมาณสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต


ด้านนางนลินี ทวีสิน กล่าวว่า บังกลาเทศ ถือเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก BIMSTEC ที่มีศักยภาพสูง ด้วยจำนวนประชากรกว่า 170 ล้านคน และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 5 – 7% ต่อปี โดยท่าเรือจิตตะกอง เป็นท่าเรือหลักของประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญในการรองรับสินค้าคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 ของการค้าทางทะเลทั้งหมด อีกทั้งยังมีสถิติการเติบโตของตู้คอนเทนเนอร์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 14 ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพทางการค้าของประเทศที่เติบโตเร็วยิ่งกว่า GDP โดยรวม

ทั้งนี้ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานแถลงข่าวความสำเร็จในการเชื่อมโยงท่าเรือระนอง – จิตตะกอง ร่วมกับนางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. H.E. Mr. Faiyaz Murshid Kazi เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทย และนางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ กงสุลกิตติมศักดิ์บังกลาเทศประจำประเทศไทย ในวันพุธที่ 2 กรกฎาคม 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล.-513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ (22 ก.ย. 68) คาดว่าในช่วงวันที่ […]

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]