ก.พาณิชย์ 29 มิ.ย. – 5 เดือนแรกปี 68 ต่างชาติลงทุนในไทยแตะ 9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 41,062 ล้านบาท สิงคโปร์ 11,429 ล้านบาท และจีน 7,539 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า 5 เดือนแรก มกราคม – พฤษภาคม ปี 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 426 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 105 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 321 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 88,943 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของ 5 เดือนแรก ปี 2568 ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 85 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 41,062 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
- ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
- ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ แผ่นวงจรพิมพ์ (Printed Circuit Board) ชิ้นส่วนยานพาหนะ เครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรม
2. สหรัฐอเมริกา 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 2,763 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการให้คำปรึกษาแนะนำ และออกแบบเกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรม
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตแผ่นวงจร ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องสำอาง
- ธุรกิจบริการตรวจสอบ วิเคราะห์ วิจัย และประเมินคุณภาพของอัญมณีและเครื่องประดับ
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB
3. จีน 53 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 7,539 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
- ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป แม่พิมพ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ บรรจุภัณฑ์จากกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
4. สิงคโปร์ 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 11,429 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ไนโตรเซลลูโลสสำหรับอุตสาหกรรม อาหารสัตว์เลี้ยง Printed Circuit Board เครื่องจักรอัตโนมัติที่มีขั้นตอนออกแบบระบบควบคุมการปฏิบัติงานด้วยสมองกลเอง ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ
5. ฮ่องกง 44 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 7,475 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการ Data Center, Cloud Services
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม
ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการเชื้อเพลิง องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน มกราคม – พฤษภาคม 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 109 ราย หรือ 34% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 อนุญาต 426 ราย / มกราคม – พฤษภาคม 2567 อนุญาต 317 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 17,241 ล้านบาท หรือ 24% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 ลงทุน 88,943 ล้านบาท / มกราคม – พฤษภาคม 2567 ลงทุน 71,702 ล้านบาท) รวมถึงมีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,350 คน หรือ 112% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 จ้างงาน 2,558 คน / มกราคม – พฤษภาคม 2567 จ้างงาน 1,208 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงมกราคม – พฤษภาคม 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 129 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 30 ราย หรือ 30% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 ลงทุน 129 ราย / มกราคม – พฤษภาคม 2567 ลงทุน 99 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 47,744 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 37 ราย ลงทุน 23,896 ล้านบาท *จีน 30 ราย ลงทุน 4,460 ล้านบาท *สิงคโปร์ 11 ราย ลงทุน 6,022 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 51 ราย ลงทุน 13,366 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์
- ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง หุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับผลิตและตรวจสอบคุณภาพการผลิต และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 63 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 18 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 45 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 31,083 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 244 คน
รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตขั้นสูงสำหรับผู้ปฏิบัติงานบนแท่นขุดเจาะ องค์ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบเรือผลิตกักเก็บและขนถ่ายที่ใช้ในการผลิตปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ องค์ความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรขั้นสูง เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้แก่
- ธุรกิจการค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์แยกก๊าซ (Membrane Module)
- ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เลนส์กล้อง บรรจุภัณฑ์จากกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง และชิ้นส่วนยานพาหนะ เป็นต้น.-517-สำนักข่าวไทย