5 เดือนแรกปี 68 ต่างชาติลงทุนในไทยแตะ 9 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 24%

ก.พาณิชย์ 29 มิ.ย. – 5 เดือนแรกปี 68 ต่างชาติลงทุนในไทยแตะ 9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 41,062 ล้านบาท สิงคโปร์ 11,429 ล้านบาท และจีน 7,539 ล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า 5 เดือนแรก มกราคม – พฤษภาคม ปี 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 426 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 105 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 321 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 88,943 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของ 5 เดือนแรก ปี 2568 ได้แก่



1. ญี่ปุ่น 85 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 41,062 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

    • ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
    • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
    • ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
    • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ แผ่นวงจรพิมพ์ (Printed Circuit Board) ชิ้นส่วนยานพาหนะ เครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรม

    2. สหรัฐอเมริกา 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 2,763 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ


      • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการให้คำปรึกษาแนะนำ และออกแบบเกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรม
      • ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตแผ่นวงจร ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องสำอาง
      • ธุรกิจบริการตรวจสอบ วิเคราะห์ วิจัย และประเมินคุณภาพของอัญมณีและเครื่องประดับ
      • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB

      3. จีน 53 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 7,539 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

        • ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
        • ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า
        • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
        • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป แม่พิมพ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ บรรจุภัณฑ์จากกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

        4. สิงคโปร์ 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 11,429 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

          • ธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า
          • ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
          • ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
          • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ไนโตรเซลลูโลสสำหรับอุตสาหกรรม อาหารสัตว์เลี้ยง Printed Circuit Board เครื่องจักรอัตโนมัติที่มีขั้นตอนออกแบบระบบควบคุมการปฏิบัติงานด้วยสมองกลเอง ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ

          5. ฮ่องกง 44 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 7,475 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ


            • ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
            • ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
            • ธุรกิจบริการ Data Center, Cloud Services
            • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม

            ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการเชื้อเพลิง องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นต้น

            ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน มกราคม – พฤษภาคม 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 109 ราย หรือ 34% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 อนุญาต 426 ราย / มกราคม – พฤษภาคม 2567 อนุญาต 317 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 17,241 ล้านบาท หรือ 24% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 ลงทุน 88,943 ล้านบาท / มกราคม – พฤษภาคม 2567 ลงทุน 71,702 ล้านบาท) รวมถึงมีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,350 คน หรือ 112% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 จ้างงาน 2,558 คน / มกราคม – พฤษภาคม 2567 จ้างงาน 1,208 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน

            สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงมกราคม – พฤษภาคม 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 129 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 30 ราย หรือ 30% (มกราคม – พฤษภาคม 2568 ลงทุน 129 ราย / มกราคม – พฤษภาคม 2567 ลงทุน 99 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 47,744 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 37 ราย ลงทุน 23,896 ล้านบาท *จีน 30 ราย ลงทุน 4,460 ล้านบาท *สิงคโปร์ 11 ราย ลงทุน 6,022 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 51 ราย ลงทุน 13,366 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ

            • ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์
            • ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
            • ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
            • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง หุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับผลิตและตรวจสอบคุณภาพการผลิต และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น

            ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 63 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 18 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 45 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 31,083 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 244 คน

            รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตขั้นสูงสำหรับผู้ปฏิบัติงานบนแท่นขุดเจาะ องค์ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบเรือผลิตกักเก็บและขนถ่ายที่ใช้ในการผลิตปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ องค์ความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรขั้นสูง เป็นต้น

            สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้แก่

            • ธุรกิจการค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์แยกก๊าซ (Membrane Module)
            • ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
            • ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
            • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เลนส์กล้อง บรรจุภัณฑ์จากกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง และชิ้นส่วนยานพาหนะ เป็นต้น.-517-สำนักข่าวไทย

            ดูข่าวเพิ่มเติม

            Top Viewed • อ่านมากสุด

            ดูทั้งหมด

            ‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

            พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

            เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

            ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

            เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

            ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

            พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

            ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

            ข่าวแนะนำ

            ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

            สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]

            น้องสาว ผกก.โจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการตายของพี่ชาย

            กทม. 29 มิ.ย.-น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการเสียชีวิตของพี่ชาย และเร่งทำคดี เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรม หลังผ่านมา 4 เดือน คดียังไม่คืบ ส่วนบรรยากาศงานฌาปนกิจวันนี้ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า เวลา 15.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรลักษณ์มหาวิหาร หลังเก็บศพมานานกว่า 4 เดือน บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้าของบุคคลในครอบครัว ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น ตลอดจนอดีตผู้บังคับบัญชาอย่างพลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ส. และผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าที่สนิทสนม ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจวันนี้ด้วย ขณะที่ นางสาวศรัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของผู้กำกับโจ้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า หลังจากตนพร้อมแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ เดินทางยื่นคำร้องขอให้ DSI รับคดีการเสียชีวิตของพี่ชายเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากติดใจสาเหตุการการตายของพี่ชาย จนถึงขณะนี้นาน 4 เดือนแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ซึ่งล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม […]

            คปท.แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่หนุนรัฐประหาร

            กทม. 29 มิ.ย.- คปท. แถลงยืนข้างกองทัพปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่สนับสนุนรัฐประหาร และไม่คิดสนับสนุนรัฐประหารแน่นอน นัดหารือใหญ่ 1 ก.ค.นี้ ยกระดับขับไล่นายกฯ-พรรคร่วม เวลา 14.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร่วมแถลงจุดยืน ภายหลังการชุมนุมใหญ่เมื่อวานนี้ แต่ปรากฏว่าการปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร ทำให้ในวันนี้นายพิชิต ต้องออกมาแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงว่า พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังกล่าวหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมว่าสนับสนุนรัฐประหาร ทั้งที่ควรจะกดดันให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวทางของ คปท. ไม่เคยเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารจากกองทัพใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อคำพูด และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และการที่ คปท. ยืนเคียงข้างกองทัพปกป้องอธิปไตยของชาติ ก็ไม่ได้มีความหมายถึงการรัฐประหารแต่อย่างใด ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ แกนนำ คปท. จะประชุมร่วมกับแกนนำทุกของคน “รวมพลังแผ่นดิน” ในวันอังคารที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะเป็นการยกระดับกิจกรรมหลังวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อทำกิจกรรมให้เข้มข้นขึ้น อาจจะยังไม่ถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่พื้นที่การชุมนุมก็คงจะใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น และไม่ใช้พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว […]

            เพลิงไหม้หอพักพยาบาล รพ.ศิริราช

            กทม. 29 มิ.ย. – เพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่คุมเพลิงได้แล้ว ช่วยผู้ติดค้างออกมาได้อย่างปลอดภัย วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 12.30 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่วมไทร เหตุเพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล (แปดไร่) โรงพยาบาลศิริราช ถนนรถไฟ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์ สปภ.กทม. ถึงที่เกิดเหตุ พบกลุ่มควันจำนวนมากบริเวณชั้นใต้ดิน จึงทำการตรวจสอบและอพยพผู้ที่ติดค้างด้านบนลงมา เวลา 12.55 น. พบจุดต้นเพลิงบริเวณชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้น้ำทำการดับ มีผู้ติดค้างภายในลิฟต์ชั้นที่ 12 เจ้าหน้าที่และช่างลิฟต์ประจำอาคาร ได้ทำการช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย เวลา 13.04 น. เพลิงสงบ .-สำนักข่าวไทย