ทช. ตรวจราชการถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ จ.เพชรบุรี

เพชรบุรี 28 มิ.ย.-อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ลงพื้นที่ตรวจราชการถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera)ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี พร้อมเผยความคืบหน้าการพัฒนาโครงข่ายเส้นทาง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเพิ่มศักยภาพถนนสายรองสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน


นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท พร้อมด้วย นายยงยุทธ์ เพ็งเมือง รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ด้านดำเนินงาน) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ณ แขวงทางหลวงชนบทเพชรบุรี โดย อธิบดีฯ ได้เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาโครงข่ายถนนดังกล่าวให้มีความต่อเนื่อง ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน/นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง ตลอดจนการแก้ไขปัญหาจราจรและเหมาะสมเป็นถนนท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลระดับสากล โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันซึ่ง Thailand Riviera เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย มีพื้นที่ดำเนินการตั้งแต่ สมุทรปราการ – สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ –ระนอง – ชุมพร – สุราษฎร์ธานี –นครศรีธรรมราช – สงขลา – ปัตตานี –นราธิวาส แบ่งเป็น 4 ระยะ รวมระยะทาง 950 กิโลเมตร ดังนี้

  • ระยะที่ 1 : ช่วง สมุทรสาคร – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ระยะทาง 515 กิโลเมตร
    โดยปัจจุบัน ทช. ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,549 ล้านบาท
  • ระยะที่ 2 : ช่วง ชุมพร – สุราษฎร์ธานี – นครศรีธรรมราช – สงขลา ระยะทาง 150 กิโลเมตร
    ทช. ศึกษาความเหมาะสมแล้วเสร็จ / ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการสำรวจออกแบบ และจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าการก่อสร้างจะทยอยเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป
  • ระยะที่ 3 : ช่วง สมุทรปราการ – สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม ระยะทาง 85 กิโลเมตรทช. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการสำรวจออกแบบ โดยได้สำรวจออกแบบแล้วเสร็จ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 4,275 ล้านบาท จึงแบ่งสัญญา ออกเป็น 4 ช่วง คือ
    ➢ สัญญาที่ 1 ช่วงจังหวัดสมุทรปราการ – จังหวัดสมุทรสาคร ด้านตะวันออกของแม่น้ำท่าจีน เป็นการปรับปรุงถนนที่มีอยู่เดิม ตามแนวคลอง คลองสรรพสามิต คลองสหกรณ์ คลองพิทยาลงกรณ์ โดยการปรับปรุงผิวจราจร พร้อมทั้งเพิ่มเติมป้ายจราจร และอุปกรณ์อำนวยการจราจรให้มีความสมบูรณ์และปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยมีรูปแบบให้เป็นเอกลักษณ์ของเส้นทางท่องเที่ยว ใช้งบประมาณ 788.2 ล้านบาท
    ➢ สัญญาที่ 2 ช่วงข้ามแม่น้ำท่าจีน เป็นการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนใหม่ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทางต่อเนื่องและบรรเทาปัญหาการจราจรในพื้นที่เป็นการก่อสร้างสะพานพร้อมทางต่างระดับ ใช้งบประมาณ 2,342 ล้านบาท
    ➢ สัญญาที่ 3 ช่วงจังหวัดสมุทรสาครด้านตะวันตกของแม่น้ำท่าจีนถึงจังหวัดสมุทรสงครามเป็นการปรับปรุงถนนเดิมระยะทาง 4.4 กิโลเมตรและมีการก่อสร้างถนนใหม่ระยะทางประมาณ 12.3 กิโลเมตรขนานไปกับถนนพระราม 2 ทำให้นอกจากจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่จะบูรณาการจากท่าฉลอมไปถึงดอนหอยหลอดโดยผ่านวัดกาหลงซึ่งเป็นวัดของหลวงปู่สุดอาจารย์ของจอมโจรตี๋ใหญ่และมีสะพานสายรุ้งที่งดงามแล้วยังเป็นเส้นทางเลือกสำหรับการไปเที่ยวตลาดร่มหุบซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟจากท่าฉลอมไปถึงแม่กลองทำให้เพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวได้อย่างยิ่ง ใช้งบประมาณ 829.5 ล้านบาท
    ➢ สัญญาที่ 4 ปรับปรุงถนนเดิมระยะทางรวมประมาณ 14.5 กิโลเมตร เชื่อมจากส่วนปลายของสัญญาที่ 3 บริเวณบ้านชายทะเลรางจันทร์ จังหวัดสมุทรสาคร ไปสู่ส่วนที่เป็นดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม ผ่านถนนพระรามสองไปเชื่อมต่อกับถนนริเวียร่าเดิมที่บ้านคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม
    ทั้งนี้ ทช. พิจารณาแล้วให้สัญญาช่วงที่ 3 มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งงบประมาณ 829.5 ล้านบาท โดยมีค่าเวนคืนที่ดินและทรัพย์สิน ประมาณ 69.2 ล้านบาท ค่าก่อสร้างโครงการประมาณ 750.5 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 9.8 ล้านบาท ทช. จะตั้งงบประมาณส่วนนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570
  • ระยะที่ 4 : ช่วง สงขลา – ปัตตานี – นราธิวาส ระยะทาง 200 กิโลเมตร
    ปัจจุบัน ทช. ได้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษา (วงเงิน33 ล้านบาท) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในปีงบประมาณ 2568 จะศึกษาแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2569

อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีในส่วนของ Thailand Riviera เส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยมีพื้นที่ดำเนินการเป็นฝั่งทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และสตูล ปัจจุบัน ทช. ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นโครงการเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเล (ไทยแลนด์ ริเวียร่า) ฝั่งทะเลอันดามัน อีกด้วย


นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของโครงการก่อสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ด้านตะวันตก ถนนท่องเที่ยวตะนาวศรีคีรีพัฒน์ ช่วงเขาบันได – บ้านพุน้ำร้อน อำเภอหนองหญ้าปล้อง,เขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ระยะทางรวม 37.240 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 714.288 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2570 ต่อไป/สำนักข่าวไทย-513

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]