กรุงเทพฯ 23 มิ.ย. – “พิชัย” ประชุมด่วนภาคเอกชน รับมือผลกระทบไทย-กัมพูชา หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ติดตามธนาคาร-ธุรกิจ มีสาขาในกัมพูชา สายการบิน โทรคมนาคม พลังงาน เปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้า
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมการเตรียมตัวของภาคเอกชนและผลกระทบหากมีการยกระดับความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์กำลังเปราะบาง จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด ยอมรับว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ฝ่ายไทยยังคงมีท่าทีสุขุม รอบคอบ และให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน
นายพิชัย ในฐานะผู้กำกับดูแลเศรษฐกิจในภาพรวม กล่าวว่า รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเป็นไปได้ต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ได้แก่ ประการแรก คือ การประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน ทั้งจากการค้าชายแดน ภาคการผลิตที่พึ่งพาวัตถุดิบจากกัมพูชา ภาคการเงินที่มีธุรกิจและสาขาในกัมพูชา รวมถึงภาคบริการ ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โทรคมนาคม หรือพลังงาน ประการที่สอง คือ การเตรียมมาตรการรองรับ รัฐบาลพร้อมให้แบงก์รัฐปล่อยกู้เช่น soft loan การผ่อนปรนทางภาษี มาตรการโลจิสติกส์ เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งจากทางบกเป็นทางเรือ ตลอดจนการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดน ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง วันนี้จะเปิดรับฟังข้อเสนอจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการและภาคเอกชน
การประชุมดังกล่าวในวันนี้ ได้เตรียมการในเชิงเทคนิก เพื่อความพร้อมในการรับมือเท่านั้น ไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี และให้ความสำคัญกับความมั่นคงร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน และในประเด็นแรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลไทยมีท่าทีที่ชัดเจนว่า ไม่ประสงค์จะผลักดันให้แรงงานต้องเดินทางกลับประเทศโดยไม่จำเป็น เพราะคลังตระหนักดีถึงความสำคัญของแรงงานกลุ่มนี้ต่อระบบเศรษฐกิจไทย.-515- สำนักข่าวไทย