กรุงเทพฯ 23 มิ.ย. – หุ้นไทยร่วงต่อกว่า 10 จุด แต่ยังไม่หลุด 1,050 จุด แม้ ตลท.มีมาตรการรองรับผันผวน ด้าน รมว.คลัง ตามติดสถานการณ์ตะวันออกกลาง เชื่อมั่นตลาดทุนไทยยังแข็งแกร่ง และเราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินผลกระทบและหาทางรับมือผลที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินและการลงทุน โดยวานนี้ได้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด พร้อมหารือร่วมกับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดทุนไทย และคณะกรรมการตลาดฯ มีมติให้ใช้ 2 มาตรการชั่วคราว เพื่อดูแลเสถียรภาพของตลาดและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนในช่วงเวลาที่ทั่วโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน ได้แก่: ลดกรอบเพดานราคาหลักทรัพย์ (Ceiling & Floor) จากเดิม ±30% เหลือ ±15% สำหรับตลาด SET, mai และ TFEX และลดกรอบราคา Dynamic Price Band รายหลักทรัพย์จาก ±10% เหลือ ±5% เพื่อลดความผันผวนของราคาระหว่างวัน มาตรการเหล่านี้จะมีผลระหว่างวันที่ 23–27 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
นายพิชัย ย้ำว่า สิ่งที่เราทำไม่ใช่การปิดกั้นตลาด หรือชะลอการลงทุน แต่เป็นการให้ “เวลา” กับนักลงทุนได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก
“ผมเชื่อมั่นว่า ตลาดทุนไทยยังแข็งแกร่ง และเราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ด้วยความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย” ทั้งนี้ แม้วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแถลงชี้แจงรายละเอียดเพื่อลดความผันผวน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเปิดตลาดลดทันทีกว่า 10 จุด เคลื่อนไหวต่ำสุดที่ 1,053 จุด ตามตลาดต่างประเทศ หลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีอิหร่านด้วยการทิ้งระเบิดใส่สถานที่นิวเคลียร์ 3 แห่ง และกังวลอิหร่านจะตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุส ขณะที่การเมืองในประเทศ ตลาดติดตามปัญหาการเมืองไทย-กัมพูชา, การปรับ ครม.และการชุมนุม กดดันนายกรัฐมนตรี โดยนักลงทุนกังวลหากปิดช่องแคบฮอร์มุซ คาดกันว่าราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยช่องแคบแห่งนี้ เฉลี่ยมีเรือขนส่งสินค้าประมาณ 114 ลำ/วัน เป็น “จุดคอขวดสำคัญที่สุดในการขนส่งน้ำมันของโลก” (World’s most important oil transit chokepoint) ขนส่งน้ำมันราวร้อยละ 20 ของการบริโภคน้ำมันทั่วโลก และเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการขนส่งก๊าซLNG /ซึ่งแอลเอ็นจีทั้งหมดของกาตาร์และไทยเป็นลูกค้าต้องผ่านฮอร์มุซ ก็คิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของการค้า LNG ทั่วโลก /อาจนำไปสู่เงินเฟ้อทั่วโลก /เศรษฐกิจชะลอตัว หรือถดถอย ค่าขนส่งและเบี้ยประกันภัยก็จะสูงขึ้นอย่างมาก
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ Chief Commercial Officer บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า แม้สงครามในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ก็มองว่ากระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่มาก เพราะตลาดฯ ได้ซึมซับปัจจัยลบเหล่านี้ไว้มากแล้วในระดับหนึ่ง ดูจากปรอทวัดสำคัญราคาน้ำมันดิบที่เปิดตลาดเช้านี้ขึ้นไปแตะที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่ก็ปรับตัวลดลงมาที่ 77.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% ส่วนราคาทองคำในตลาดโลกเช้านี้ก็ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ไม่น่าจะหลุดจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,050 จุด แต่ถ้าหลุดก็มีแนวรับสำรองบริเวณ 1,030 จุด ก่อนที่จะถึง 1,000 จุด ที่เป็นแนวรับจิตวิทยา
ส่วนปัญหาการเมืองไทย มองว่าตลาดหุ้นไทยซึมซับปัจจัยลบต่าง ๆ ไว้มากแล้ว และนักลงทุนต่างชาติก็ขายสุทธิเป็นส่วนใหญ่ จึงมองว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในวันนี้ไม่มาก ซึ่งมองว่าน้ำหนักยังคงให้กับสถานการณ์ในตะวันออกกลางมากกว่า รวมทั้งจากปัญหาศึกนอก-ศึกใน ที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญในขณะนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ในการประชุมคระกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ในวันที่ 25 มิ.ย. นี้ มีนำหนักสูงถึง 50% ที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ ซึ่งจะช่วยประคองตลาดหุ้นไทยโดยรวมในขณะนี้
ด้าน Krungthai XSpring วิเคราะห์ SET INDEX ปีนี้ปรับตัวลงมาแล้ว 30% มาอยู่ที่ 1,067 จุด และเป็นการลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1,576 จุด มาแล้วกว่า 47% ทั้งปัจจัย ภายนอกและภายในกดดันมาตลอด ทั้งสถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียดต่อ, ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์ Floor – Ceiling และ Dynamic Price Band และสถานการณ์การเมืองไทยกดดัน. -511-สำนักข่าวไทย