กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.- “mai FORUM 2025” ติดอาวุธ บจ.ใน mai สู่บริษัทชั้นนำ หวังเป็นเข็มทิศตลาดทุนไทย ชี้ บจ.mai 70% มีกำไร เป็นโอกาสลงทุนท่ามกลางตลาดผันผวน เชื่อ หลาย บจ.mai เตรียมเข้าร่วมโครงการ Jump+
สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จัดงาน mai FORUM 2025 : มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 9 ภายใต้คอนเซปต์ ‘ARMED FOR OPPORTUNITY : ติดอาวุธ คว้าโอกาส ในตลาด mai
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถา ในหัวข้อ “The future of Thai capital market: อนาคตของตลาดทุนไทยและบทบาทของ mai ในการสร้างโอกาส” ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาด mai คือเข็มทิศของตลาดทุนไทย เปรียบเทียบ ตลาด Nasdaq ของสหรัฐอเมริกา มีการเปลี่ยนแปลงเกือบ 90% ภายใน 25 ปี มีบริษัทใหม่เติบโตขึ้นมาทดแทนมากขึ้น ขณะที่ตลาดทุนไทยมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ดังนั้น หน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอยากติดอาวุธ เพื่อให้บริษัทใน mai ก้าวขึ้นไปสู่การเป็นบริษัทชั้นนำของตลาดทุนไทยในอนาคต โดยเตรียมเปิดโครงการ Jump+ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2568 นี้ ถือเป็นโครงการที่ชวนให้กลับมาดูพื้นฐานของการเติบโตในตลาดทุนมาจากปัจจัยใดบ้าง โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยวางแผน และการสื่อสารแผนของบริษัทให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จผลใน 4 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดทุนไทยผันผวน และประเมินไม่ได้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเติบโตระดับใด จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือมาช่วยพยุงตลาดทุน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและน่าสนใจ พร้อมสร้างโอกาสในตลาดทุนให้นักลงทุนต่อไปในอนาคต

ด้านนายวิรัฐ สุขชัย นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) เปิดเผยว่างาน mai FORUM 2025 : มหกรรมรวมพลังคน mai ครั้งที่ 9 ภายใต้คอนเซปต์ ARMED FOR OPPORTUNITY : ติดอาวุธ คว้าโอกาส ในตลาด mai ปีนี้มี บริษัทเข้าร่วมงาน 115 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ปัจจุบันมีบริษัทสมาชิกใน mai จำนวน 225 บริษัท โดยมี 63 บริษัทที่ย้ายเข้าสู่ SET เพราะฉะนั้น mai เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีโอกาสจะเติบโตก้าวขึ้นมาใน SET ได้ เชื่อว่า งานครั้งนี้จะเป็นการสื่อสารโดยตรงกับนักลงทุน ที่จะได้พบปะ CEO กว่า 100 คน และนําเสนอข้อมูลธุรกิจแก่นักลงทุน และผู้สนใจทั่วไป รวมถึงการส่งเสริมความเข้าใจในศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่อาจยังไม่ดีนัก ราคาหุ้นย่อตัวลงมาก ขณะที่บริษัทใน mai จำนวน 225 บริษัท มากกว่า 70% มีผลประกอบการที่มีกำไร จึงถือเป็นโอกาสของนักลงทุนสำหรับการลงทุนระยะยาว เพื่อผลตอบแทนที่ดีในอนาคต พร้อมมองว่า โครงการ Jump+ เป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กได้พัฒนาศักยภาพ ให้เติบโตขยายธุรกิจไปข้างหน้าได้ ซึ่งคาดว่าบริษัทที่จดทะเบียนใน mai จะเข้าร่วมโครงการนี้หลายบริษัท
ขณะที่นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า เราทำหน้าที่ระดมทุนมาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ mai ครบรอบ 26 ปี เรามี 225 บริษัทที่เข้ามาจดทะเบียน มีการระดมทุนไปกว่า 94,000 ล้านบาท มีการใช้เครื่องมือในการเติบโตอีก 138,000 ล้านบาท และยังเดินหน้าส่งเสริมบริษัทที่มีศักยภาพเข้ามาจดทะเบียนใน mai อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มี 200- 300 บริษัทสนใจเตรียมตัวอยากเข้าจดทะเบียนใน mai ทั้งนี้ยอมรับว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดทุนทำได้ยากขึ้น จากกฎระเบียบมากขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ดังนั้นเราต้องเข้าไปสนับสนุนบริษัทที่เข้า นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ( LiVEx) เพื่อสร้างโอกาสให้เจ้าของธุรกิจเข้ามาระดมทุนในเกณฑ์ที่ง่ายขึ้นค่าใช้จ่ายถูกลง ระยะเวลาเร็วขึ้น มีการทำ LiVE Platform มีองค์ความรู้และเครื่องมือในการช่วยและมีหลักสูตรในการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียน ปัจจุบันมีเข้ามาเรียน 370 บริษัท เพื่อสร้างบริษัทที่เป็น new economy เป็นความหวังใหม่ของเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม มองว่าการลงทุนในยุคนี้เป็นเรื่องท้าทาย ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทอง บิตคอยน์ สำหรับตลาดหุ้นไทยมองว่าไม่ใช่ช่วงวิกฤติแต่เป็นช่วงท้าทาย ตลาดที่มีดัชนีลดลง ราคาหุ้นลดลงว่า ธุรกิจจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกำไรเพิ่มขึ้นถือเป็นความท้าทาย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามทำหน้าที่ให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและมีโอกาสในการลงทุน ดังเช่นงาน mai FORUM 2025 ที่อยากให้ผู้ลงทุนได้ทำความรู้จัก mai เพิ่มเติม เรามี company snap shot รวบรวมบริษัทจดทะเบียน 170 บริษัทเป็นข้อมูลพื้นฐาน ในทุกวิกฤตมีโอกาส ถ้าเราจะทำโอกาสให้การลงทุนที่ดีก็ต้องมีข้อมูลที่พร้อมการวิเคราะห์การตัดสินใจที่ดี.-516-สำนักข่าวไทย