กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ร่วงตั้งแต่เปิดตลาด และปิดตลาดที่ระดับ 1,068.73 จุด ร่วงลง 25.85 จุด โดยต่ำสุดอยู่ที่ 1,066.42 จุด เมื่อเวลาประมาณ 16.03 น. การเมืองกดดัน ด้าน บล.เอเซีย พลัส ชี้หุ้นไทยอยู่ในภาวะ Overhang ทางการเมือง จับตางบฯ ปี 69 เสี่ยงถูกคว่ำ
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า กรณีนายกรัฐมนตรีปฏิเสธการลาออก และยืนยันเดินหน้าไปต่อ เพื่อความมั่นคงของประเทศ สู้กับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเรียกร้องความร่วมมือจากทุกฝ่าย เน้นการสื่อสารระหว่างประเทศผ่านช่องทางที่เป็นทางการมากขึ้นนั้น เบื้องต้นยังไม่เห็นสถานการณ์ที่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น เนื่องจากอยู่ในช่วง Overhang ทางการเมือง โดยจับตาการประชุมสภา (3 ก.ค.) ฝ่ายค้านอาจใช้การพิจารณางบประมาณเป็นเครื่องมือในการโจมตีรัฐบาล อาจมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแฝงในกระบวนการพิจารณางบประมาณ และที่สำคัญเสี่ยงต่อการคว่ำงบประมาณ 2569 วาระ 2-3 (13-15 ส.ค.68) โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวเพิ่ม อาจนำไปสู่การยุบสภา
ทั้งนี้ หากการอนุมัติงบประมาณล่าช้า จะทำให้เม็ดเงินที่จะออกมากระตุ้นศรษฐกิจในระยะถัดไปขัดสน เช่นเดียวกับรัฐบาลยุค ”เศรษฐา ทวีสิน” ในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติม เพิ่มความเสี่ยง Downside ต่อ GDP Growth ไทยในปี 2568-2569 อาจนำไปสู่การชุมนุมหรือความเคลื่อนไหวทางการเมือง เสี่ยงลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ บริการขนส่ง เป็นต้น โดยความเสี่ยงทางการเมืองไทย-ต่างประเทศ บวกกับการ Rebalance ของดัชนี FTSE ในวันพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.) กดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ดังคลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมาผ่านสื่อต่างๆ วานนี้ส่งผลให้เกิดความสั่นคลอนของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ต้องหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ซึ่งจากการวิเคราะห์รัฐบาลชุดปัจจุบันสามารถแก้ไขและเรียกความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยได้ ผ่าน 4 กรณี โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นแนวทางที่เบาที่สุด เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยอาจมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีบางตำแหน่งเพื่อให้พรรคร่วมพอใจ คาดใช้เวลาราว 7–14 วัน หากมีความเห็นร่วมกันเร็ว
2.การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี หากพรรคร่วมถอนตัวหรือเสียงในสภาไม่พอ อาจมีการเสนอชื่อบุคคลใหม่เป็นนายกฯ ซึ่งต้องผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องได้เสียง ตั้งแต่ 248 เสียงขึ้นไป (มากกว่ากึ่งหนึ่ง) คาดใช้เวลาราว 30–45วัน
3.การยุบสภา หากความขัดแย้งดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ อาจนำไปสู่การยุบสภาซึ่งจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45–60 วัน เปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ผ่านการเลือกตั้ง โดยรวมกระบวนการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ใช้เวลาประมาณ 75–105 วัน
4.การรัฐประหาร มักเกิดขึ้นเมื่อการเมืองถึงทางตัน มักตามมาด้วยการตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจหรือคณะรักษาความสงบ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงน่าจะสร้างแรงต้านจากฝั่งประชาชนและนานาชาติสูงซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ. -511- สำนักข่าวไทย