ทำเนียบฯ 17 มิ.ย. – ครม.อนุมัติรวมโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง สีแดงอ่อน เป็นโครงการฯ ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา เพื่อจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นสัญญาเดียว ช่วยประหยัดงบลดลง 1,671 ล้านบาท)
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ ดังนี้ ให้รวมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) (โครงการฯ ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา) และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช (โครงการฯ ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช) เข้าด้วยกันเพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นสัญญาเดียว และเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี)” (โครงการฯ ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา)
นายอนุกูล กล่าวว่า เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 อนุมัติในหลักการให้การรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายาและสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) (โครงการฯ ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา) ในกรอบวงเงิน 10,202.38 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี และมีมติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 อนุมัติในหลักการให้ รฟท. ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช (โครงการฯ ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช) ในกรอบวงเงิน 6,645.03 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ซึ่งทั้งสองโครงการดังกล่าวเป็นโครงการ ส่วนต่อขยายจากโครงการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางชื่อ – ตลิ่งชัน
เพื่อลดความซับซ้อนของงานเชื่อมต่อกับระบบเดิม และเพื่อให้ทั้งสองโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้พร้อมกัน รฟท. จึงเห็นสมควรรวมทั้งสองโครงการเข้าด้วยกันเพื่อดำเนินการ จัดซื้อจัดจ้างให้เป็นสัญญาเดียว ภายใต้ชื่อโครงการใหม่ คือ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) (โครงการฯ ช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน – ศาลายา) และเสนอคณะรัฐมนตรีทบทวนมติคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ โดยการรวมโครงการในครั้งนี้ จะส่งผลให้กรอบวงเงินรวมของโครงการลดลง จากเดิม 16,847 ล้านบาท (วงเงินรวมของ 2 โครงการ) เป็น 15,176 ล้านบาท (ลดลง 1,671 ล้านบาท)
กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ พิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเห็นว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร ส่วนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาแล้วเห็นชอบการรวมโครงการเป็นสัญญาเดียว .- 515 -สำนักข่าวไทย