กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – ตลท.เกาะติดสถานการณ์ตึงเครียดตะวันออกกลาง พร้อมมีมาตรการรองรับหากมีกรณีฉุกเฉินเพื่อให้ตลาดซื้อขายได้ตามปกติ หวังเจรจาการค้าไทยสหรัฐเป็นบวก ด้าน AIMC เผย Thai ESGX เม็ดเงินลงทุนใหม่ 2 พันล้านบาท โอนจาก LTF 8 พันล้านบาท ยอดคงค้าง LTF 1.4 แสนล้านบาท
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเปิดงานสัมมนา “โหนเกษียณ” Special EP ทางออก LTF – RMF – SSF ติดดอย สู่พอร์ต “เกษียณสุข” ระบุว่า กองทุนรวมเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการออกกองทุนประเภทต่าง ๆ รวมทั้งกองทุนประหยัดภาษี ไม่ว่าจะเป็น LTF – RMF – SSF รวมทั้ง Thai ESG และล่าสุดคือ Thai ESG Extra หรือ Thai ESGX ที่มุ่งเน้นลงทุนในหลักธุรกิจที่ให้ความสำคัญ กับ ESG ทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และส่งเสริมการออมเงินในระยะยาว ตามเป้าหมายชีวิตและเพื่อใช้ยามเกษียณ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่
พร้อมระบุการมีความรู้ความเข้าใจทางการเงิน เป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนชีวิตที่มั่นคง รวมถึงการเรียนรู้และติดตามข่าวสารด้านการเงินอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ตามที่ตั้งใจไว้ ทั้งการเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับช่วงอายุและความเสี่ยงที่รับได้ การกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจุบันมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น


นายอัสสเดช ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงสถานการณ์ทั่วโลก ที่ปัจจุบันมีความผันผวนมาก อาทิ การเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีการเปลี่ยนแปลงรายวัน ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ล่าสุดอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน ขณะที่สถานการณ์ในประเทศก็มีความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีทีมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ขณะที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีการติดตามว่าต้องมีการดำเนินการอย่างไรในภาวะฉุกเฉิน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ถือว่าอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามดำเนินการเพื่อให้นักลงทุนมีสามารถทำธุรกรรม ซื้อขายได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม หากเกิดสภาวะกระทันหันหรือรุนแรงจริงๆ ก็จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อช่วยชะลอหรือช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจอย่างรอบคอบ ซึ่งมาตรการฉุกเฉินที่เตรียมไว้รองรับขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ เพราะไม่ต้องการชี้นำนักลงทุน ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ต้องตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลก่อนตัดสินใจ
สำหรับประเด็นส่วนการเจรจาไทยสหรัฐยังต้องรอดูความชัดเจน เบื้องต้นเข้าใจว่าไทยได้กำหนดเวลาในการเจรจาแล้ว ซึ่งมองว่าจะได้ผลที่ดีในทางบวก

นางชวิดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวในการสัมมนาว่า ขณะนี้มียอดผู้ลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX ราว 2 พันล้านบาท ขณะที่มีการสับเปลี่ยนจาก LTF เป็น Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้วราว 8 พันล้านบาท ยังคงมีมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน LTF ทั้งระบบเหลือคงค้างอยู่อีก 1.4 แสนล้านบาท โดยยังมีระยะเวลาอีกราว 2 สัปดาห์ ที่จะสามารถสับเปลี่ยนให้ครบทั้งหมดภายใน 30 มิ.ย.68 ประเมินว่าอาจจะมีการสับเปลี่ยนมาไม่ทั้งหมด ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือน่าจะเป็นช่วงเวลในการกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีการสับเปลี่ยนจาก LTF มาสู่ Thai ESGX มากน้อยแค่ไหน. -516-สำนักข่าวไทย