กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – ข้อมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เผยไทยจำหน่ายไฟฟ้าให้กัมพูชา ตามข้อตกลงระหว่างรัฐ 8 จุดหลัก 5 จังหวัดของกัมพูชา รวม 33.65 เมกะวัตต์ ขายมากสุด จำหน่ายไปปอยเปต แหล่งกาสิโนชื่อดัง ขณะนี้ PEA ยังไม่ตัดไฟ รอมติ สมช.
จากกรณีความสัมพันธ์ชายแดนไทย–กัมพูชา อยู่ในจุดเปราะบาง และนายแก้ว รัตนัค รัฐมนตรีเหมืองและพลังงานกัมพูชา ออกมาชี้แจงว่าปัจจุบันกัมพูชาไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทย ป้อนเข้าสู่โครงข่ายแห่งชาติ พร้อมเน้นย้ำว่ากัมพูชามีอุปทานไฟฟ้าเพียงพอที่สามารถรองรับอุปทานภายในประเทศ
ข้อมูลจาก PEA ระบุปัจจุบันยังจำหน่ายไฟฟ้าให้ กัมพูชาผ่านข้อตกลงระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจำหน่ายใน 8 จุดหลัก รวม 33.65 เมกะวัตต์ จุดใหญ่จำหน่ายไปยัง อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย 2 วงจร ยอดจำหน่ายรวม 20 เมกะวัตต์ จำหน่ายผ่านบริเวณบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นการจำหน่ายผ่านจุดผ่านแดน จ.สุรินทร์ จ.จันทบุรี จ.ตราด ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามในบันทึกความตกลงโครงการความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าที่จะสนับสนุนให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยกัมพูชาได้นำไฟฟ้าของไทยไปใช้ ทั้งพื้นที่เศรษฐกิจและป้อนแก่ประชาชน ในพื้นที่ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย, จ.พระตะบอง, จ.อุดรมีชัย, จ.เกาะกง โดยในขณะนี้ PEA ยังจำหน่ายไฟฟ้าตามปกติ และพร้อมปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล หากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติอย่างไร ทาง PEA ก็พร้อมปฏิบัติตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในบทวิทเคราะห์ โดย พ.อ.หญิง นวลสมร จรวงษ์ วิทยาลัยกองทัพบก ระบุในยุคปัจจุบัน กำลังเผชิญแรงกดดันจากภายนอกและ ภายในที่ซับซ้อนขึ้น ด่านชายแดนไม่ใช่เพียงจุดผ่านสินค้า แต่เป็นเวทีของการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจผิดกฎหมาย และความมั่นคงระดับภูมิภาค การกำหนดยุทธศาสตร์ชายแดนจึงต้องอาศัย แนวทางแบบบูรณาการ ได้แก่ พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้หลุดพ้นจากการพึ่งพาเชิงเดียว เสริมขีด ความสามารถการข่าวและควบคุมชายแดนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ออกแบบนโยบายปิดด่านให้ ยืดหยุ่น มีกรอบเป้าหมาย และมีกลไกเยียวยาที่เหมาะสม และผลักดันอาเซียนให้ยกระดับปัญหา เศรษฐกิจผิดกฎหมายเป็นวาระความมั่นคง โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้ทรัพยากรจากฝั่งไทย เช่น ไฟฟ้า ระบบอินเทอร์เน็ต แรงงาน หรือระบบการเงิน ถูกใช้เป็น ปัจจัยหนุนให้กิจกรรมผิดกฎหมายในฝั่งกัมพูชาเติบโตขึ้น โดยไม่ตั้งใจ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้าน เศรษฐกิจ การคลัง และความมั่นคงจะช่วยให้สามารถ ตรวจสอบและควบคุมช่องทางสนับสนุนทุนผิดกฎหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษา เสถียรภาพของการค้าชายแดนในระดับฐานราก “เมื่อเศรษฐกิจคือพลัง และชายแดนคือเวทีนโยบาย” ความมั่นคงจึงไม่ควรแยกจากความ เข้าใจเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การผสมผสานมาตรการกดดันกับแนวทางเยียวยาและกลไกความ ร่วมมือ จึงเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนนโยบายจาก “การปิดล้อม” ไปสู่ “การโน้มน้าวเชิง ยุทธศาสตร์” ที่ใช้พลังทางเศรษฐกิจควบคู่กับอำนาจการทูตและความมั่นคง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ ของชาติอย่างยั่งยืน. -511-สำนักข่าวไทย