กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบรางวัล Best Paper Award แก่งานวิจัย 3 สาขา พร้อมรางวัล Young Rising Star อีก 2 รางวัล ในโครงการสนับสนุนทุนวิจัยด้านตลาดทุน ประจำปี 2567/2568 ที่ดำเนินการต่อเนื่องกว่า 12 ปี เพื่อส่งเสริมงานวิจัยเชิงประยุกต์และสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ เชื่อมโยงองค์ความรู้สู่การปฏิบัติจริงในภาคธุรกิจ
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีมอบรองวัลจากโครงการทุนวิจัยตลาดทุน ปี 2567/2568 โครงการนี้นับเป็นความร่วมมือระหว่างภาควิชาการและภาคตลาดทุน ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนมุมมอง ประสานความรู้ เพื่อการพัฒนางานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในเชิงปฏิบัติ ที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมมีเพิ่มขึ้นทุกปี สะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาองค์ความรู้ในงานวิจัยด้านตลาดทุนที่ขยายไปในวงกว้างขึ้น ขณะที่มีการประยุกต์ใช้เครื่องมือใหม่ๆ ในงานวิจัย ทำให้วิเคราะห์คาดการณ์อนาคตได้หลากหลายมุมมอง นอกจากนี้ พบว่ามีผลงานวิจัยในประเด็นเกี่ยวกับความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในปัจจุบัน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการสนับสนุนทุนวิจัยด้านตลาดทุน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2553 ด้วยความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิในธุรกิจตลาดทุนไทย ภาครัฐ และเอกชน ที่ร่วมเป็นกรรมการตัดสินรางวัล นับเป็นเครือข่ายที่มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาคการศึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์จริงในตลาดทุนไทย ซึ่งช่วยยกระดับงานวิจัยให้มีคุณภาพและใช้ประโยชน์ได้จริงในธุรกิจตลาดทุนไทย
ในปีนี้มีนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกจากสถาบันการศึกษาเข้าร่วมทั้งสิ้น 15 แห่ง เสนอผลงานรวม 26 หัวข้อ ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ Market Quality, ESG และ Technology-Interdisciplinary โดยมี 5 ผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย Best Paper Award 3 รางวัลและYoung Rising Star Award ให้แก่นิสิตนักศึกษาในระดับ ปริญญาตรีซึ่งมีผลงานวิจัยโดดเด่นอีก 2 รางวัลซึ่งจะเป็นทั้งการส่งเสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่และได้องค์ความรู้มาพัฒนาตลาดทุน
หนึ่งในผลงานที่ได้รับรางวัล Best Paper Award สาขา ESG Track ได้แก่ งานวิจัยของนายสรุจ ตันมีสุข จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) กับผลประกอบการทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET100
รองศาสตราจารย์ปริยดา สุขเจริญสิน คณบดีคณะพัฒนาเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษากล่าวว่า ผลการศึกษาชี้ว่า ESG ส่งผลต่อผลประกอบการแตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น การเปิดเผยข้อมูล Climate มีผลเชิงบวกต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม แต่เป็นต้นทุนสำหรับกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคพบว่าข้อมูลด้านพลังงานและแรงงานมีความสัมพันธ์สูงกับ Tobin’s Q อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบความเชื่อมโยงชัดเจนระหว่าง ESG กับผลตอบแทนหุ้นในระยะสั้น สะท้อนว่านักลงทุนไทยยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานทางการเงินในการพิจารณาลงทุน
งานวิจัยที่ส่งเข้าประกวดใช้ข้อมูลจากตลาดทุนมาเป็นข้อมูลสำหรับทำวิจัยเพื่อตอบโจทย์และพร้อมนำไปพัฒนาตลาดทุนได้ทันที. -512 - สำนักข่าวไทย